• About

brandchatz

~ World changing by branded

brandchatz

Tag Archives: marketing

เราควรเรียนรู้อะไรจาก แบรนด์ใหญ่

07 Tuesday Nov 2017

Posted by brandchatz in brand value, brandingdiy, Uncategorized

≈ Leave a comment

Tags

branding, marketing, technology

Learning from big brand chatz.001.jpeg

บางครั้งเจ้าของแบรนด์ก็มักจะมีมุมมองที่ว่า เราแบรนด์เล็ก เงินไม่เท่าแบรนด์ใหญ่

ทำให้บางทีก็ลืมไปว่า นอกเหนือไปจากเงิน แบรนด์ใหญ่ๆ เขามีแนวคิดบางอย่าง

ที่คุณอาจจะลองไปปรับใช้กับแบรนด์ตัวเองได้

ลองมาดูว่า แบรนด์ใหญ่เขามีเทคนิค อะไรที่น่าสนใจกันบ้าง

1.คอนเท้นที่เกี่ยวข้องกับการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าของเขาในหลากหลาย ตั้งแต่ วิดีโอสาธิต สอนการใช้สินค้า  รีวิว และการทำ คอนเท้นท์แนว ฟีดแบคต่างๆ

Learning from big brand chatz.002.jpeg

แบรนด์พวกอย่าง Apple,Samsung หรือพวก กล้องทั้งหลาย รวมถึง สินค้าแนวเทคโนโลยี่มักจะใช้วิธีนี้กันเพื่อให้คนเข้าถึงแบรนด์ได้ง่ายมากขึ้น จริงๆมันก็สามารถเอาไประยุกต์ได้กับทุกประเภทนั่นแหล่ะ แม้แต่คุณจะทำนมเด็กก็ตาม

2.ความถี่ในการลงคอนเท้นท์ใน สื่อออนไลน์

Learning from big brand chatz.003.jpeg

จำนวนการลงสื่อออนไลน์ของแบรนด์ใหญ๋โหดมโดยเฉลี่ย ทั้งแบรนด์ไทยแบรนด์นอก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจไหนก็ตาม ที่ถ้าทำออนไลน์แบบจัดเต็มแล้ว มักจะใช้ความถี่แถวนี้

คุณอาจจะบอก พี่ครับ จะบ้าหรอ ลงแบบนั้น ผมคงไม่ต้องทำอะไรพอดี

แต่ผมกำลังจะบอกคุณว่า แสดงว่า การเห็นของแบรนด์ด้วยจำนวนครั้งต่อการจดจำ มันมีผล

ยิ่งคุณลงน้อย เกินไป ย้ำว่าน้อยเกินไป ความจดจำในแบรนด์มันยิ่งยาก

คนสมัยนี้ จำยากขึ้น เพราะมีเรื่องให้จำเยอะ

บางที ไม่จำด้วย  ดังนั้น เรื่องของความถี่ จึงมีประเด็น

3.การสร้าง Brand Personality

บุคลิกของแบรนด์ใหญ่ มักจะมีความชัดเจน ในเวลาสื่อสาร ทำให้ลูกค้าจำได้ง่าย

Learning from big brand chatz.004.jpeg

การควบคุมแบรนด์ต่อทุกช่องทาง ของแบรนด์ใหญ่เป็นเรื่องสำคัญ

เพราะนอกเหนือไปจากเรื่องการจดจำแล้ว

ยังเป็นเรื่องลดความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีไม่ให้แบรนด์เสียชื่ออีกด้วย

Campaign ของ Coca Cola หรืออย่าง Burgerking เป็นการสะท้อนตัวตนของ Brand

อย่างต่อเนื่อง

Learning from big brand chatz.006.jpeg4.Hastag ยังเป็นเครื่องมือสำคัญ

 

 

แบรนด์อย่าง Always,Redbull เป็นตัวอย่างทีดีในการสร้าง Hastag #likeagirl

ที่ถือว่าได้กระแสไปเยอะมากใน คลิปวิดีโอยูทูปที่มีวิวระดับหลักล้าน

เพราะการติด Hastag สามารถทำให้คนที่เขาประทับใจในคอนเท้นท์ของแบรนด์

สามารถเข้ามามีส่วนร่วมและทำให้แบรนด์ได้พลังของการต่อยอดจากคนที่ดูคอนเท้นท์และ

ส่งต่อแบรนด์ออกไป

5.การสร้างชุมชนของแบรนด์

Learning from big brand chatz.007.jpeg

แบรนด์อย่าง Fitbit และแบรนด์กล้องยี่ห้อดังต่างๆ เช่น Canon,Fuji,Olympus,Sonyล้วนสร้าง group ปิด และกลุ่มเฉพาะ

เพื่อสร้างให้เกิดการสื่อสารที่ลึกและเป็นเรื่องของสินค้า บริการอย่างลึกซึ้ง

นอกเหนือไปจากเป็นการย้ำให้เกิดการสร้างประสบการณ์ของแบรนด์แล้ว

ยังเป็นการสร้างคอนเท้นท์ด้วยตัวของผู้ใช้เองอีกด้วย

Resource:บางส่วนจาก https://neilpatel.com/blog/big-brand-marketing-lessons/?utm_content=buffer3dc44&utm_medium=social&utm_source=twitter.com&utm_campaign=buffer

เคสการตั้งราคาของรองเท้า ADIDAS

18 Tuesday Jul 2017

Posted by brandchatz in brand value, marketing, sport, Uncategorized

≈ Leave a comment

Tags

adidas, brand, marketing, pricing, retail

3f78ea9debb291c40112d7d6273637d4--shoe-shop-adidas-originals.jpg

การได้ทำคลาสและมีผู้เชี่ยวชาญมาร่วมกันทำคลาสถือเป็นบุญกุศลผมเป็นอย่างยิ่ง

และคลาสที่เพิ่งจบลงไปผมก็ได้มีโอกาสเรียนรู้จากคนเก่งท่านนึง ก็คือ

พี่ทาโร่   เลิศวัฒนรักษ์     ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจ นักเขียนหนังสือ เรื่อง มีบางอย่างที่ผิดในธุรกิจ และความเก่งของพี่เขาก็คือ การอ่านธุรกิจ โดยเฉพาะในเรื่องการดูงบการเงิน

wrong.jpg หนังสื่อพี่ทาโร่

.

พี่ทาโร่ ถ้าคุณจะสำเร็จในธุรกิจ คุณต้องดูให้เป็น เพราะไม่งั้น ปลายทาง คุณทำงานไปเหนื่อยแทบตาย อาจไม่เหลือเงินเลยก็ได้

.

จริงๆหัวข้อที่เรา Live ด้วยกัน จะเป็นเรื่องของ Pricing และก็มีตัวอย่างนึงที่มีประโยชน์

อย่างยิ่งต่อทุกท่านที่ทำธุรกิจ

มีเคสนึงเป็นของ แบรนด์ที่ชื่อว่า Adidas ซึ่งทุกคนน่าจะรู้จักกันดีเพราะเป็นแบรนด์กีฬาระดับโลก

.

หลายๆคนที่เคยซื้อรองเท้ายี่ห้อ Adidas น่าจะพอเดาๆ ราคาโดยประมาณได้นั่นก็คือ อยู่ที่

2000 กว่าบาทไปจนถึง 3xxx บาท หรืออาจะแพงกว่านั้น แต่โดยเฉลี่ยก็อยู่ราวๆนี้

.

คิดเป็นเงิน$ ก็เฉลี่ยตกประมาณ 100 เหรียญ ของราคาขายตามห้าง

.

ต้นทุนของรองเท้า(COGS) ที่ADIDAS ผลิตนั้น อยู่ที่ประมาณ ไม่เกิน 20 เหรียญซึ่ง

ผมว่าหลายคนก็รู้

.

แแต่อันนึงที่ทุกคนที่ผมไม่แน่ใจว่าจะรู้หรือไม่ว่า กำไรต่อคู่ที่ Adidas นั้นได้รับตกอยู่เพียง

2 เหรียญเท่านั้น!!!   

.

ผมถามพี่ทาโร่อยู่ซะหลายรอบ เพราะตัวเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าทำไมมันเหลือน้อยจัง

อย่างน้อยไม่เหลือสัก 5 เหรียญละ ดีกว่า 2 ตั้งเยอะ

.

พี่ทาโร่แกเล่ามาแบบนี้ครับ

การขายเข้าห้าง ซึ่งคนที่ทำธุรกิจ retail หรือขายของกะห้างจะพอเข้าใจว่า มันมีเรื่องของ

Supply chain ที่จะต้องจ่ายออก รวมถึงค่าการตลาด  และค่าอื่นๆอีกทั้งขนส่งและค่าคน

รวมถึง Brand ambassador (ซึ่งอาจจะได้เงินต่อคู่มากกว่าเจ้าของแบรนด์ด้วยซ้ำ)

.

ซึ่งหลายคนมักจะมองว่า ทำไม ห้างถึงต้องเอากำไรเยอะขนาดนั้น ไม่ยุติธรรม อันที่จริง

ธุรกิจแต่ละประเภทต่างก็มีธรรมชาติของมัน. ถ้าคุณไปทำห้างคุณก็จะพอรู้เองว่าทำไมห้างจึงต้องเอากำไรมากขนาดนั้น (เอาไว้ว่ากันวันหลัง)

.

แต่ประเด็นที่ผมอยากจะสื่อก็คือ การตั้งและกำหนดราคา นั้น ต้องรู้จักลักษณะธุรกิจให้ดีและชัดเจนจึงจะมองภาพออกว่า ราคานั้น เป็นเรื่องของการรับรู้ของผู้ซื้อ มิใช่สิ่งที่เราอยากจะกำหนดเท่าไหร่ก็ได้

.

เพราะไม่งั้น Adidas คงอยากขึ้นราคาเพื่อให้ได้กำไรมากกว่า 2 เหรียญ

.

บางครั้งการตั้งราคา เพื่อเพิ่มอีกเพียง 5 เหรียญ อาจจะมีผลต่อการลดลงของยอดขาย อีก 5%

.

ซึ่งก็ไม่รู็บางที. การลดต้นทุนลง 5 เหรียญ อาจจะทำให้คุณได้กำไรมากกว่าก็เป็นได้

.

ดังนั้น. การตั้งราคาจึงเป็นศาสตร์ที่ต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และข้อมูลจากลูกค้าที่มากพอก่อนตัดสินจึงจะดีที่สุด

.

บางครั้ง. การตั้งราคา มันไม่ใช่เรื่องของเรา  แต่มันเป็นเรื่องของเขาที่เราจะต้องรอด

เครดิตรูป จาก

https://www.pinterest.com/jrmtexas/cars-saleens/?lp=true

จุดยืน (ตำแหน่งของ Brand)

08 Saturday Oct 2016

Posted by brandchatz in brand, Uncategorized

≈ Leave a comment

Tags

branding, marketing, positioning

3brand-positioning-001

ช่วงนี้งานลูกค้าเยอะจัดจนต้องหายไปหลายวัน  ไม่ได้เขียนอะไรมาแชร์เลยครับ

มีเรื่องนี้ตอนที่ไปทำงาน มักจะเป็นแนวคิดสำคัญ ในการทำแบรนด์ทุกครั้งไป ที่ต้องเอามาวางไว้

เป็นเหมือนเครื่องมือตัดสินใจ

การหาจุดยืน หรือ การหาส้นเท้าที่ดี  เราต้องเข้าใจ สององค์ประกอบ

คือ จุดที่แตกต่าง POD(Point of different) และ จุดที่พื้นฐานของสินค้าต้องมี POP

(Point of parity) ทั้งสองอย่างต้องคิดไปคู่กัน

เช่น ถ้าคุณขายรถ ถ้าจุดเด่นรถคุณคือไม่ใช้น้ำมัน แต่สิ่งที่พื้นฐานรถต้องมี

ก็เช่นความเร็วมาตรฐาน มีแอร์ มีเครื่องเสียงอะไรแบบนี้เป็นต้น คุณก็ต้องมี

ไม่อย่างนั้น จุดเด่นที่คุณมีอาจไม่ช่วยอะไร

หลังจากนั้นก็ลองดู 3 ข้อหลักของส้นเท้า  เอ้ย จุดยืน หรือตำแหน่งของแบรนด์กันครับ

3brand-positioning-002

1.ส้นเท้าทางการตลาดมีสองจุดที่ต้องคิด (ยังจะส้นเท้าอีก = =“)

ส้นเท้าที่อยู่ในปัจจุบัน และส้นเท้าที่จะไปอยู่ในอนาคต

คือคุณอาจจะต้องคิดให้ออกว่า จะให้แบรนด์มันเติบโตอย่างไร

และมีช่องที่จะให้เติบโตและพัฒนาไปได้ด้วย

3brand-positioning-003

2ตำแหน่งที่ดีต้องระมัดระวังเรื่องตัวตนและความเป็นพื้นฐานของสินค้านั้นๆ

ผมพบว่าเจ้าของกิจการหลายคนมักมองข้าม เรื่องจุดเสียเปรียบในจุดแข็ง

ของตัวเองเวลาเปรียบเทียบกับคู่แข่งเจ้าอื่น

พูดอีกที ในจุดแข็งของคุณ มันจะมีอีกด้านที่เป็นจุดอ่อน

เช่น คุณเลือกที่จะเป็น สินค้าที่ราคาต่ำ แต่จุดเสียเปรียบของราคาต่ำ ก็คือ

ของมักคุณภาพไม่ค่อยดี ดังนั้น ถ้าจุดนี้มันเป็นจุดอ่อนของคุณถ้าไปเทียบกับคุณสมบัติ

การแข่งขันพื้นฐานละก็ คุณก็ตายอยู่ดี แม้ต่อให้คุณถูกแค่ไหนก็ตาม

อ่านเพิ่มเรื่อง จุดเด่นที่ http://bit.ly/2dOMNJy

3brand-positioning-004

3.ตำแหน่งที่ดีควรจะสะท้อนให้เห็นถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากสินค้าคุณ

หรือพูดง่ายๆคือ จุดไหนที่เป็นจุดชี้ชัดว่าลูกค้า มีความปราถนาอยากได้แบรนด์ของคุณอย่างมาก

สรุปก็คือ การหาจุดยืนที่ดีของแบรนด์ ควรมี 3 ข้อนี้

และทั้งหมดควรต้องประกอบไปด้วย จุดที่แตกต่าง และจุดพื้นฐานของสินค้า

ที่ต้องคิดไว้ทุกครั้ง เพื่อที่จะทำให้สินค้านั้น

มีครบสองเรื่องที่ว่าด้วย หัวคิด และหัวใจ เพื่อทำให้แบรนด์ของคุณโดดเด่นจากตลาด

 

5 องค์ประกอบแบรนด์ที่จะอยู่ยาวนาน

22 Thursday Sep 2016

Posted by brandchatz in Uncategorized

≈ Leave a comment

Tags

brand, branding, enduring, marketing

brand-enduring-001

หากอยากรู้ถึงวิทยาการของแบรนด์ การเข้าใจถึงผู้นำตลาดเป็นเรื่องที่ต้องศึกษา

ตามการศึกษาของ Dartmount’s Tuk school of business ของ อาจารย์ Peter Golder ว่าไว้ว่า

ผุ้นำตลาดมักสูญเสียความเป็นเจ้าตลาด เมื่อเวลาผ่าน จากการศึกษาย้อนไปตั้งแต่ปี 1923

จนถึงปี 1997 ในแต่ละ กลุ่มประเภทสินค้า เราจะพบว่า

มีเพียง 23แบรนด์ เท่านั้น จาก 100 ประเภท ที่ยังคงอยู่ในตลาดผู้นำ

28% ของแบรนด์ผู้นำ ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในปี 1997

ยิ่งโดยเฉพาะ สินค้าประเภทเสื้อผ้าและแฟชั่น มีถึง 67% ที่ล้มเหลว

ส่วนในหมวดหมู่อาหารก็ดีขึ้นมา ประมาณ 39% ที่ยังสามารถคงความเป้นผู้นำในขณะที่ 21 % ล้มหายตายจาก

เมื่อศึกษาลงไปจะพบว่า

หลายๆแบรนด์ต้องต่อสู้กับเศรษฐิจขาลงและอัตราเงินเฟ้อสูง

ครึ่งนึงของแบรนด์ที่เป็นผู้นำจะหายไปในช่วง 12-39 ปี

เมื่อแบรนด์ผู้นำหายไป มักจะกู้กลับมายาก

อัตราของแบรนด์ที่เหลือจนถึงปัจจุบันยังถือว่าต่ำถ้าเทียบกับยุคแรกๆ

แบรนด์ที่อยู่ได้ยาวหน่อยมักจะเป็นแบรนด์ประเภทอาหารที่มีอัตราสูงเกือบครึ่งนึง ส่วนเสื้อผ้าและแฟชั่นนั้นต่ำสุด

5 องค์ประกอบที่  Peter Golder อาจารย์จากDartmount’s Tuk school of business ให้ไว้สำหรับเหตุผลที่แบรนด์จะอยู่ได้คงทน

  1. ภาพอนาคตของตลาด Mass  บริษัทต้องมีสายตาที่เชี่ยวชาญกับตลาดขนาดใหญ่หรือ Mass ในการขยายตลาดและสร้างความถาวรกับลูกค้า

ยกตัวอย่าง Pampers ในตลาดผ้าอ้อม ก็ไม่ได้เป็น ผู้นำตลาดในช่วงหลายปีแรก แต่หลังจากที่ Pamper ศึกษาและวิจัยอย่างจริงจังในการที่จะทำให้การใช้งานนั้นสะดวกและมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นผู้นำอย่างแท้จริง

brand-enduring-002

2.การจัดการเพื่อให้แบรนด์นั้นคงอยู่  การค้นพบเทคโนโลยี่จะสามารถนำพาให้เราเป็นผู้นำตลาดได้ บ่อยๆครั้งการมั่นคงกับการศึกษาค้นคว้ามักให้ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ เช่น JVC ใช้เวลาในการวิจัย วิดีโอแบบ VSHถึง 21 ปีก่อนที่ปล่อยสู่ตลาดในปี 1976 และเขาก็กลายเป็นผู้นำตลาดในที่สุด

brand-enduring-003

3.การรักษาสัญญากับระบบการเงิน การแข่งขันเพื่อเป็นผู้นำในระยะยาวแน่นอนต้องใช้เงินในการทำ Research and Development มากกว่าบริษัทที่เน้นทำกำไรในระยะสั้นแน่ๆ แต่ Sony ก็สามารถทำให้เราเห็นถึงการแก้ปัญหาขององค์กรที่เกือบจะล่มสลาย โดยการมีวินัยทางการเงินที่เข้มแข็งและรวมถึงการดูแลระบบการเงินอย่างเข้มงวดในช่วงปีหลังๆ

brand-enduring-004

4.ไม่ผ่อนปรนกับสิ่งประดิษฐใหม่  Gillette สร้างมีดโกนหนวดที่เป็นนวัตกรรมขึ้นมาและสามารถรักษาความเป็นผู้นำตลาดได้อย่างยาวนาน

brand-enduring-005

5.ทวีคูณสินทรัพย์ โคคาโคล่า สร้าง ความสำเร็จต่อยอด โดย ปล่อยสินค้าใหม่ที่ชื่อ Diet Coke หลังจากนั้นเพียง 1 ปี Diet Coke ก็กลายเป็นผู้นำตลาด

brand-enduring-006

====================================

Source :

Strategic Brand Management :Kevin Lane Keller

Google:All images

http://www.Sony.com

ทำอย่างไรดีกับแบรนด์ที่มีลักษณะเหมือนๆ กับคนอื่น

21 Wednesday Sep 2016

Posted by brandchatz in advertising, Uncategorized

≈ Leave a comment

Tags

advertising, brand, branding, commodities, marketing

#ทำอย่างไรดีกับแบรนด์ที่มีลักษณะเหมือนๆ กับคนอื่น
การทำแบรนด์นั้น ทำมาเพื่อเแก้ปัญหาสำหรับ สินค้าในลักษณะใช้ประจำวัน
พวกที่เป็น Commodities ทั้งหลาย เพื่อให้สินค้ามีความแตกต่างและคุณค่า
หลายตัวอย่างจาก แบรนด์ ดัง ของสินค้าต่างๆ เป็นเรื่องเล่าที่ดีทำให้เราเห็นมุมมอง เรื่องราว ความเชื่อ และแนวคิด จนถึงการสื่อสาร ที่ถือว่าสำคัญมาก
ในการที่จะทำอย่างไรให้เราแตกต่างอย่างนั้นบ้าง เพื่อสร้างคุณค่าแบรนด์
.
3 ตัวอย่างและแนวคิดเพื่อสร้างความแตกต่างของแบรนด์ที่มีลักษณะเหมือนๆกัน
.
1.สร้าง Salience หรือจุดโดดเด่นด้านอื่นของ Brand ให้เกิด เช่น น้ำดื่มอย่าง Evian ก็บอกจุดเด่นของสินค้าตัวเองที่แตกต่างไปจากคนอื่นๆ ว่าเป็นน้ำที่มาจากน้ำแร่บริสุทธิ์จากเทือกเขาแอลป์ และเชื่อว่ารักษาอาการเจ็บป่วยได้

Brand commodities.002.jpeg
2.สร้าง visual identity ที่แตกต่างออกไปจากสินค้าที่อยู่ในประเภทเดียวกัน เช่น ชอคโกแลต
Trobleone ออกแบบให้ Packaging เป็นรูป สามเหลี่ยม เพื่อให้คนจดจำรูปลักษณ์ได้อย่างแม่นยำ

Brand commodities.003.jpeg
3.คิดแคมเปญ และหาจุดเด่นในการสร้างความเชื่อ เช่น แคมเปญ ที่ชื่อ
“A Diamond is forever” ของ Debeers ในปี 1948 ทำให้แบรนด์สามารถครองตลาดได้มากกว่า 60%
และเป็นสโลแกนที่คนทั้งโลกจจดจำได้มากที่สุด และทำให้อุตสาหกรรมเพชรมีมูลค่าสูงถึง 25$ พันล้านเหรียญ แค่ในอเมริกาเท่านั้น

 

Brand commodities.004.jpeg

การสร้างแคมเปญของ Debeers เป็นทั้งอิทธิพลต่อวงการโฆษณาและวงการเพชร รวมถึง Brand Commodities อื่นๆ ที่หันมาให้ความสำคัญของการสร้างแคมเปญ รวมถึง การสร้างคุณค่าที่ยั่งยืน

=========================
รูปภาพจาก
http://www.brandingstrategyinsider.com/brand-repositioning
EvianLogo2.svg
http://www.diamondspot.com/?cat=1&paged=12&lang=en
http://flowercart.in/index.php?main_page=best_sellers

3 รูปแบบของการสร้างแบรนด์ยั่งยืน

18 Sunday Sep 2016

Posted by brandchatz in branding, Uncategorized

≈ Leave a comment

Tags

Aaker, brand, branding, Equity, marketing

3-ways-build-strong-brand-001

 

ในเวลาที่เราต้องการเครื่องมือที่สร้างแบรนด์แบบมีระบบ แบบแผน

ทุกครั้งผมจะนึกถึง David Aaker ที่เป็นปรมาจารย์ที่พูดคำว่า Brand Equity

คำที่หาคำไทยอธิบายโคตรยาก ถ้าจะพูดรวมๆในความคิดผม ก็ประมาณแบรนด์คุณค่า

แต่สิ่งที่ Aaker ได้พยายามสร้างระบบของแบรนด์ขึ้น ทำให้ นักการตลาดตั้งแต่ในยุคก่อน

ใช้แบรนด์เป็นเครื่องมือที่เป็นอาวุธในการทำการตลาดแบบระยะยาวและมีเป้าหมาย

รวมถึงการนำเอาวิธีการแบบมีที่มาที่ไปมากขึ้น ลึกขึ้น และหลากหลายลูกเล่น

ทำให้แบรนด์กลายเป็นสิ่งที่สำคัญในการทำธุรกิจแบบยั่งยืน

คนที่ไม่ชินกับภาษาเฉพาะหลายๆอย่างค่อยๆลองอ่านดูก่อนนะครับ

แล้วโพสต์ต่อๆไป ผมจะมาขยายความในแต่ละข้ออีกที

เริ่มที่ข้อแรก

  1. หาจุดยืนของแบรนด์เราที่ได้เปรียบและแตกต่างกว่าคนอื่นในตลาด และคู่แข่ง

     เราสามารถใช้เครื่องมือ POD (Point of        Different),POPs (Point of pairity)

Identity ต่างๆ ไม่ว่า Archetype  Model เพื่อช่วยในการสร้างแนวทาง

เอาที่ Key หลักๆ ในการสร้าง POD หรือ Point of Different เป็นการดึงจุดที่เราจะมีไม่เหมือนชาวบ้าน

ซึ่งมีข้อคิดเข้าใจง่ายๆ สามข้อ คือ หนึ่ง ไปดูคู่แข่งว่าทำอะไรอยู่ ถ้าไม่ดีกว่าอย่าไปทำ สอง ต้องกล้าพอที่จะดึงความต่างของเราออกมา ไม่ว่ามันอาจจะเป็นจุดที่เราไม่คุ้นเคยมาก่อน แต่ต้องประเมินให้ได้ว่าจุดต่างนั้นให้คุณค่ากับธุรกิจคุณได้จริงๆ  สาม จุดแตกต่างของคุณ สร้างความพอใจต่อลูกค้าได้อย่างดี

3-ways-build-strong-brand-002

2. Brand Resonance model เป็นการสร้างตั้งแต่ DNA ไล่ไปจนถึง Brand Loyalty ก็คือ Resonance

ซึ่งแบ่งเป็น 4 ขั้น ก็คือ ขั้น Awareness ขั้น Experience ขั้น Feeling และขั้น Trust แจ่ว่าแต่ละขั้นเราจะต้องหา Keyword เพื่อกำหนดแนวทางให้เป็นสามารถเกิดเป็นวิธีการในการนำพาให้ลูกค้ากลายเป็นสาวก

3-ways-build-strong-brand-003

 

3. Brand Value Chain Model

แผนการติดตามและวิธีการใช้จ่าย การลงทุนเพื่อให้แบรนด์เกิด ลูกค้าที่เป็นสาวกในบั้นปลายและเป็นแบรนด์ที่แข็งแรง สิ่งนี้จำเป็นมากที่สุดและมีผลอย่างยิ่งหากคุณไม่ทำ Brand คุณอาจจะเจ๊งได้เลย

3-ways-build-strong-brand-004

เมื่อ Sony กำลังจะสร้าง Brand Reputation ในมุมใหม่

04 Sunday Sep 2016

Posted by brandchatz in brand, branding, Uncategorized

≈ Leave a comment

Tags

แบรนดิ้ง, brand, branding, business, creativity, digital, education, game, kids, knowledge, marketing, play, sony

Screenshot 2016-09-03 22.22.47

Sony ถือว่าเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเลคทรอนิคส์

ที่มีอายุยาวนานและเป็นลำดับต้นๆของโลกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแบรนด์หนึ่ง

ผ่านทั้งความรุ่งเรืองและเกือบฟุบมากมายหลายครั้ง

วันนี้แบรนด์ Sony กำลังจะหลุดออกจากบัญชีขาดทุนและกำลังกลับไปสู่ผู้นำในโลกธุรกิจ

imgres

จุดเริ่มต้นเพื่อการสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆเพื่อโลก

คำว่า Sony เป็นคำสมาสจากคำว่า Synus และ Sunny ที่แทนความหมายถึง

คนหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยพลัง คำว่า Sony นั้นอ่านง่าย และจดจำง่ายกับคนทั้งโลก

ทำให้ชื่อของแบรนด์เหมาะอย่างยิ่งกับการเป็น Brand ในระดับสากล

เพราะความตั้งใจที่จะเป็นบริษัทที่ผลิตสิ่งที่สร้างสรรค์และประโยชน์ต่อผู้คน

ทำให้เดี๋ยวนี้คนไม่รู้ว่าจริงๆแล้วโซนี่เริ่มต้นจากการผลิตหม้อหุงข้าวไฟฟ้ามาก่อน

หลังจากนั้นโซนี่ก็เริ่มคิดค้นเริ่มต้นผลิตวิทยุทรานซิสเตอร์เจ้าแรกของโลก

Sony เริ่มต้นจากความสำเร็จของ Walkman ในยุค 70 ที่ครองใจคนทั้งโลก

ไล่เรียงไปถึงกล้องถ่ายวิดีโอ เบตาแคม รวมถึงเกม Playstaytion ที่ถือเป็นนวัตกรรมสำหรับมนุษย์โลก

เมื่อนักสร้างสรรค์เจออุปสรรค

การเป็นแบรนด์ที่ต้องคิดของใหม่ๆนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง เพราะกรอบมันกว้างใหญ่ไพศาล

แต่ Sony กลับท้าทายยิ่งกว่านั้น เพราะธุรกิจที่ตัวเองเลือกจับนั้น มีความแตกต่างกันอยู่มากในแง่การบริหาร

จากบริษัทที่ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นหลัก แต่ Sony กลับขยายตัวเองไปจนถึงบริษัทการเงิน รวมถึงสายบันเทิง

Sony นั้นทำธุรกิจหลากหลายและหลายส่วนของการทำธุรกิจของ Sony ก็เจอกับคู่แข่งขันที่แข็งแกร่งกว่า

ทำให้การดำเนินงานหลายส่วนเกิดภาวะขาดทุน รวมถึง เศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ซบเซาลงจากค่าเงินเยินที่แข็ง

ทำให้การแข่งขันของโซนี่ยิ่งต้องยากขึ้นหลายเท่าตัว

สินค้าที่ Sony เคยเป็นเจ้าตลาด อย่างเครื่องใช้ไฟฟ้า เมื่อมาเจอกับคู่แข่งอย่าง Sumsung และแบรนด์จากจีน

ทำให้จึงไม่สามารถทำราคาแข่งขันได้  รวมไปถึงสินค้า IT อย่าง Vaio หรือ Xperia ในตลาดที่เป็น Mass

ในขณะที่ Sony ยังเอาตัวได้ในธุรกิจเพลงและภาพยนตร์ จึงทำให้ แบรนด์ของ Sony นั้นยังอยู่ในตลาดโลกอย่างไม่

เพลี่ยงพล้ำจนเกินไป

ลดให้น้อยเอาที่ชัวร์

หลังจากที่หลงทางไปสักพัก การปรับกลยุทธ์ของ Sony ก็เริ่มมีแนวทางขึ้น

Sony ได้พียง 3 ธุรกิจหลัก เปลี่ยน Brand positioning ขึ้นไปจับ เทคโนโลยี่ระดับสูง ไม่ว่าจะเป็น 4 K สำหรับสายอิเลคทรอนิค

รวมไปถึง การที่ ขาย Vaio ทิ้งและ เหลือ Xperia ไว้เพียงตลาดกลุ่มบน  แต่ยังคงเก็บธุรกิจบันเทิง

และธุรกิจเกมที่ยังสร้างรายได้ให้ Sony มาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อตัดทิ้งส่วนที่เป็นขาดทุน ทำให้ภาระค่าใช้จ่ายลดลง และสิ่งที่ Sony เลือกแนวทางนั้นที่ว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องอย่างยิ่ง

ทำให้บริษัทฟื้นตัวมีกำไรหลังจากขาดทุนมากว่า 8 ปี

Brand Positioning

Edgy brand หรือแบรนด์หัวก้าวหน้าอย่าง Sony นั้นไม่เคยหยุดนิ่ง ด้วยบุคลิกความเป็นนักคิดสร้างสรรค์

และเมื่อขึ้นไปเล่นกับเทคโนโลยี่ขั้นสูงอย่าง 4 K ทำให้ราคาสินค้าของ Sony อยู่ในระดับ Premium brand เป็นหลัก

แต่ตำแหน่งนี้จะคงอยู่ได้ การวางกลยุทธ์ในระยะยาวจำเป็นอย่างยิ่งจะต้องสอดคล้องกับความเป็นตัวตนที่แท้จริงของ Sony

เพราะด้วยชื่อเสียงที่ได้รับการยอมรับในฐานะผู้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ของโลกถูกยอมรับมานานแล้ว

แต่ Sony จะทำให้ชื่อเสียงเหล่านั้นพัฒนาต่อและถูกเชื่อถือต่อไปอย่างไรมากกว่า นั่นคือสิ่งที่ควรทำ

เริ่มต้นจากการวิจัยและพัฒนา

เราจะเห็น research ของ Sony ได้พูดถึงแนวคิดคำว่า N หรือ natural ที่จะให้ทั้ง มือและสายตาของผู้ใช้มีอิสระต่อ

เครื่องมือใช้งานและเป็นธรรมชาติที่สุด  ทำให้การออกแบบและการใช้งานของผลิตภัณฑ์ Sony นั้นจะยิ่งสะดวกมากขึ้น

concept T ที่หมายถึง Touch ไม่ว่าคุณจะแตะไปที่ตรงไหน ผลิตภัณฑ์จะสามารถตอบโต้ หรือ interactive

ได้ เทคโนโลยี่แบบ Ai กำลังจะกลายเป็นแนวทางหลักต่อไปในอนาคตของบริษัท

maxresdefault

ภาระกิจใหม่ สร้างนักสร้างสรรค์ทั่วโลก

แต่ Sony เริ่มมองหาแนวทางใหม่ โดยเริ่มต้นจากการเข้าไปที่ตลาดการศึกษา ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เราจะเห็น Sony ในบทบาทใหม่

แนวคิดแบบสร้าง Tinkering ให้กับโลกโดยเริ่มต้นจากกลุ่มเด็กจึงเป็นตลาดที่สัมพันธ์กับธุรกิจเกมไม่น้อย

การถอดรหัสจากคำว่า Play แต่เพิ่มเติม เรื่องของกระบวนการเรียนรู้ ที่ Sony ดัดแปลงจาก

STEM  โดยมีคำย่อมาจาก Science Technology Engineering และ Mathematics ซึ่ง STEM นี้ถือว่า

กำลังเป็นที่นิยมในอเมริกา

Sony เองก็ได้ต่อยอด STEM  โดยปรับให้ประกอบไปด้วยแนวคิดสามสิ่งคือThink Make Feel

เพราะ Sony รู้แล้วว่าถ้าเขาจะปลูกเมล็ดพันธ์แบรนด์ที่มีบุคลิกสร้างสรรค์เช่นเขา

การที่เริ่มต้นกับกลุ่มเป้าหมายเช่นเด็ก จึงเป็นเรื่องที่ถูกจริตมากที่สุด

และยิ่งสามารถสร้างสะพานต่อเชื่อมกับธุรกิจอย่าง Playstation ซึ่งเป็น node หลักของตัวเองแล้ว

โอกาสที่จะสร้างกำไรในระยะยาวจึงมีโอกาสสูงมาก

Screenshot 2016-09-03 22.19.32

พระเอกคนใหม่ KOOV

สิ่งที่ถือเป็น Hilight ของ Sony ต่อไปในอนาคตน่าจะเป็น เทคโนโลยี่ ชื่อ KOOV  ที่เป็นบลอคใสต่อได้ไม่ต่างจากเลโก้

พูดง่ายๆคือ คุณอยากต่อให้เป็นอะไรก้ได้ ไม่ว่า ตึก หุ่นยนตร์ รถ กีตาร์ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสร้างสรรค์

และที่เจ๋งกว่านั้น KOOV มีเทคโนโลยี่ที่รองรับสามารถจะทำให้มันใช้งานได้จริงๆ

Sony บอกว่าโลกของการศึกษานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะด้วยการเรียนรู้จาก Koov

จะช่วยให้มนุษย์สามารถแก้ปัญหาจากความไม่รู้ของมนุษย์ที่มีต่อสังคมได้อีกเป็นหลายๆร้อยเรื่อง

KOOV ออกแบบมาทั้งส่วนที่เป็น Hardware และ Software ไม่ว่าจะเป็น ทั้ง Web บริการ และ ส่วนประกอบชิ้นส่วนที่หลากหลาย

ซึ่งสิ่งเหล่านี้คุณจะไม่สามารถหาได้จากแบรนด์อื่นเลย

โซนี่ออกแบบเป็น บลอคชิ้นเล็กโปร่งใสซึ่งมีอยู่ 7 ชนิด และทั้ง 7 แบบคุณสามารถนำเอามันมาต่อเป็นรูปร่าง สีอะไร

ก็ได้ตามใจนึกของคุณ  ด้วยวิธีการแบบนี้คุณจะได้เรียนวิธีการออกแบบก่อนที่คุณจะไปใช้คอมพิวเตอร์

คุณก็เรียนรู้จากเครื่องมือเหล่านี้ได้ และสิ่งทีสำคัญจาก block based ชุดหุ่นยนต์นี้คือ

เราได้รู้และได้คิดไปพร้อมกับในการเล่นและจับสิ่งของเหล่านี้ ซึ่ง KOOV ถึงว่า

เป็นประสบการณ์สำคัญในการคิด หรือ เขาเรียกคำนี้ว่า Tinkering

และ KOOV ก็ยังให้โอกาสให้คนได้คิดบางอย่างที่แตกต่างออกไปจาก Block และชิ้นส่วนที่ให้มา

ซึ่งถือว่าทุกคนจะได้พัฒนาความคิดของตนเองอย่างส่วนตัวอย่างแท้จริงต่อ คนยุคใหม่

Screenshot 2016-09-03 22.19.46

SONY กับ Reputationในอนาคต

จากแนวคิดหลักของ KOOV ที่บอกว่ามีสามแนวคิดหลักคือ

Think นั้นเป็นการออกแบบสำหรับ Arithmetic หรือคณิตศาสตร์ 

Make นั้น ออกแบบสำหรับ Robot หรือหุ่นยนตร์ ส่วน Feel นั้น ออกแบบสำหรับ Science หรือวิทยาศาสตร์

ซึ่งระบบนี้ทำให้ Sony สร้างระบบcurriculumใหม่ ที่รวมทุกประเภทความรู้และข้อมูลระดับโลกไว้

แต่จะกว้างไกลและครอบคลุมได้ขนาดไหน เวลาเท่านั้นเป็นเครื่องพิสูจน์

แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในด้านบวก

แรงปรารถนาที่จะให้เครื่องมือที่จะปลูกฝังการศึกษาในระบบส่วนตัวให้กับกลุ่มเป้าหมายเด็ก

KOOV จะกลายเป็นพระเอกของ Generation รุ่นต่อไปที่สร้างนักสร้างสรรค์ระดับโลก  หากทำได้

Sony ตั้งใจที่จะทำตลาด Education ทั้งโลกอยู่แล้ว และสิ่งที่ Sony มีเหนือกว่า Player ในตลาด Education ก้คือ

เทคโนโลยี่ขั้นสูง ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบ และเป็นจุดที่จะทำให้คู่แข่งทั้งหลายต้องปรับตัว

ดังนั้น คนที่เคยคิดว่า Sony จะเป็นเพียง แบรนด์ที่ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือเพลงและภาพยนตร์ หรือแม้แต่ผลิตเกมนั้น

ต้องเปลี่ยนความคิดเสียแล้ว Sony จะเรียกตัวเองว่าเขาเป็นผู้ผลิต Innovation

และเป็นการสร้างให้เกิด คนที่เป็น Innovator เป็นล้านคนจากทั่วทุกมุมโลก

นั่นคือสิ่งที่ Sony ตั้งใจจะทำในอนาคต และสาวกของ Sony จะหยั่งรากลึกลงตั้งแต่เด็กน้อยเลยทีเดียว

ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไรScreenshot 2016-09-03 23.28.55

source:

http://www.businessinsider.com/heres-sonys-new-business-strategy-2015-2

https://www.aabacosmallbusiness.com/advisor/sony-marketing-strategy-greatness-awaits-103029262.html

http://www.sony.co.th/article/222357/section/sonysstory

The challenge of innovating education to solve unknown social issues KOOV

https://brandinside.asia/sony-come-back/

9 หนทางทำแบรนด์สู่ระดับ 100 ล้าน

04 Thursday Aug 2016

Posted by brandchatz in branding, Uncategorized

≈ Leave a comment

Tags

branding, business, marketing

100 ml  brand.001

ใน2-3 ปีที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสให้คำปรึกษาและช่วยเหลือ นักธุรกิจหลายคน ทั้งรุ่นใหม่ รุ่นใหญ่ที่ปั้นแบรนด์ใยระดับ 100 ล้าน การจะต้องพาแบรนด์ให้แต่ระดับ 100 ล้านนั้น แน่นอน mindset ย่อมจะแตกต่างจากระดับ 1 ล้านหรือ 10 ล้าน

เพราะเกมที่เล่นและเป้าหมายที่มองนั้นไม่เหมือนกัน

นี่คือสิ่งเท่าที่ผมรวบรวมออกมาเป็นเคล็ดลับ 9 ข้อแห่งความเจริญต่อ แบรนด์100 ล้าน

100 ml  brand.002

  1. สร้างตัวตนของแบรนด์ให้แตกต่างจนยากที่คู่แข่งจะทำตาม เป็นปัจจัยแรกที่แบรนด์ต้องทำ ในเรื่องของสินค้าแน่นอนอาจจะยาก แต่ถ้าแบรนด์มีการทำ personal brand ควบคู่ไปด้วยอย่างคุณตัน จะทำให้ความเป็นหนึ่งเดียวที่เลียนแบบได้ยากจากคู่แข่ง

100 ml  brand.0032.เลือกประเภทธุรกิจให้ถูกต้อง ถูกต้องหมายถึง จะต้องอยู่ในช่วงขาขึ้นของวงการธุรกิจนั้นๆ บวกด้วย

การที่คุณมีความสามารถและรู้จักวงการนั้นจริงๆ Roger hamilton ได้พูดถึง 10 ธุรกิจที่จะเป็นอนาคตของโลกนี้ไว้อย่างน่าสนใจ ใน 10 global future trends  ลองดูตามลิ้งค์

http://www.slideshare.net/rogerjameshamilton/top-10-global-future-trends-2015-roger-james-hamilton100 ml  brand.0043.รู้จริงเกี่ยวกับ สินค้าหรือแบรนด์ของเรา อันนี้เป็นเรื่องที่คุณต้องศึกษาหาความรู้ครับ วันที่ผมอยู่ในวงการเพลงศิลปิน หรือไปทำด้านแบรนด์บุคคล ผมก็ต้องรู้ไปจนถึงเม็ดในของงาน จะทำให้คุณเห็นทุกมิติ ทะลุปรุโปร่ง และมองเกมที่ไปข้างหน้าได้อย่างตรงจุดเป็นเรื่องสำคัญ

100 ml  brand.005

4..ศึกษาเรื่องราคาต้นทุน พร้อมทั้งการบวกค่าการตลาดและค่าบริหารจัดการให้ถูกต้อง อันนี้เป็นสิ่งที่คุณต้องมีแนวคิดเรื่องราคาอย่างมีเหตุผล และมีที่มาที่ไป รวมถึงรู้จักราคาของตลาดด้วยว่าเขาเป็นอย่างไรกันอยู่

100 ml  brand.006

5.ทำเพียงอย่างเดียวให้ดีอย่าเพิ่งแตกไลน์  หาจุดที่เจ๋งที่สุดของสินค้าหรือแบรนด์ให้เจอ อย่าเพิ่งไปขยายไปอย่างอื่น

100 ml  brand.007

6.หาตัวทวีคูณหรือขยายช่องทางการขาย มีหลายหนทางที่ช่วยให้เราไปถึงเป้าหมาย เลือกเครื่องมือให้ถูกต้อง

เพิ่มเติมการบริการ

ขยาย Target ตลาดใหม่ กลุ่มเป้าหมายเพิ่ม

ขยาย Franchise หรือ ขาย license เป็นอีกวิธีที่เพิ่มรายได้

ขยายตลาดออกต่างประเทศ ป็นการเพิ่มรายได้ได้ทั้ง ปริมาณ และสามารถเล่นกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินได้

ขยายการทำการค้าบนออนไลน์ นี่คือตัวทวีคูณที่น่าสนใจที่สุด และมีโอกาสขยายได้ไม่สิ้นสุดหากทำได้ถูกต้อง

100 ml  brand.008

7.ควบคุมรายจ่าย ต้องเป๊ะแน่น  เมื่อคุณต้องการเพิ่มรายได้ แน่นอนต้องใส่ทุนทำการทำแบรนด์มากขึ้น ต้องแม่นยำกับการใช้เงิน ตั้งแต่ ต้นทุนสินค้า การทำโปรโมชั่น และสื่อสาร ต้องอยู่ในตัวเลขที่ไม่เรารู้ว่านี่ยังกำไรอยู่นะ ตรวจสอบให้ละเอียด

100 ml  brand.009

8.ติดตามความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง การได้เชค insight กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอคือหัวใจ เพราะโลกโดยเฉพาะออนไลน์ไปเร็วมาก อะไรที่เกิดขึ้นกับลูกค้าต้องหมั่นจับตามองอย่างไม่ประมาท

 

100 ml  brand.010

 

9.การสื่อสารแบรนด์ถึงลูกค้าต้องชัดเจน มีตัวตน เชื่อถือได้ นี่คือสิ่งที่เป็นหัวใจและสำคัญที่สุด แบรนด์หนสามารถทำสิ่งเหล่านี้ให้ลูกค้ามั่นใจและยอมไว้ใจได้ จะมีโอกาสในการในระดับสูงขึ้นอย่างแน่นอน

การตลาดเหนือเวลาแบบ Steve jobs

27 Wednesday Jul 2016

Posted by brandchatz in brand, Uncategorized

≈ Leave a comment

Tags

การตลาดเหนือเวลา, branding, marketing, marketingisTimeless, timelessmarketing

Timeless marketing.001

ถึงแม้ตัวจะตาย แต่ผลงานและชื่อเสียงของ สตีฟ จ๊อป ก็ยังคงเป็นที่จดจำ ทั้งสาวก Apple

และคนที่ชื่นชอบสไตล์การสร้างแบรนด์ที่แตกต่าง และกล้าที่จะทำในส่ิงที่โลกนี้ไม่เคยมี

“It’s not about pop culture, and it’s not about fooling people, and it’s not about convincing people that they want something they don’t. We figure out what we want. And I think we’re pretty good at having the right discipline to think through whether a lot of other people are going to want it, too. That’s what we get paid to do. So you can’t go out and ask people, you know, what the next big [thing.] There’s a great quote by Henry Ford, right? He said, ‘If I’d have asked my customers what they wanted, they would have told me ‘A faster horse’.”

“มันไม่เกี่ยวกับวัฒนธรรมป๊อปและมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับการหลอกลวงผู้คนและมันไม่เกี่ยวกับคนที่น่าเชื่อว่าพวกเขาต้องการบางสิ่งบางอย่างที่พวกเขาทำไม่ได้ เราคิดออกสิ่งที่เราต้องการ และผมคิดว่าเราเจ๋งพอที่มีวินัยที่ดีที่จะคิดว่าไม่ว่าคนอื่นจำนวนมาก ๆ ต้องการมันมากเกินไป นั่นคือสิ่งที่เราจะได้เงิน ดังนั้นคุณจึงไม่สามารถออกไปและขอให้คนที่คุณรู้ว่าสิ่งที่ใหญ่ต่อไป [สิ่ง.] มีคำพูดที่ดีเป็นโดยเฮนรี่ฟอร์ดใช่มั้ย? เขากล่าวว่า ‘ถ้าฉันได้ถามลูกค้าของฉันสิ่งที่พวกเขาต้องการที่พวกเขาจะได้บอกผมว่า’ ม้าที่เร็วขึ้น ‘. “

แน่นอน โรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียวและ ทีมของสตีฟ จอ๊อปก็มีเป็น ร้อยเป็นพันทีม แต่สิ่งที่สามารถทำมันออกมาได้ มันเรียกว่า สิ่งที่อยู่เหนือกาลเวลาอย่างแท้จริง

มาดู 10 ข้อ การตลาดเหนือเวลาของเขาว่า มีอะไรบ้างที่ทำให้ แบรนด์ Apple สามารถยืนยาวมาจนถึงตอนนี้

Timeless marketing.002

1.MAKE A GREAT PRODUCT.

สตีฟ จ๊อบ ให้ความสำคัญกับการสร้างสินค้าเป็นอย่างมาก

จากประวัติศาสตร์การพลิกฟื้นของ Apple จะเห็นว่าเขาเลือกที่จะ

ค้นหาสิ่งที่ดีที่สุดของ สินค้านั้นๆ และพัฒนาต่อยอดออกไปในรูปแบบที่ไม่เคย

มีใครคาดคิดมาก่อน ซึ่งถือว่าเป็น Innovation คนทั้งโลกต้องยอมรับ

Timeless marketing.003

2.Don’t sell product Sell Dream

จงอย่าขายแค่สินค้า จงขายความฝันให้แก่เขา สร้างให้แบรนด์ของเขาเมื่อใคร

ก็ตามได้ถือหรือใช้ จะรู้สึกถึงความพิเศษ จนแทบจะลืมแบรนด์อื่นไปเลยทีเดียว

Timeless marketing.004

3.Focus on The experience

สตีฟ จ๊อป เน้นเรื่องของ ประสบการณ์ในการใช้ ผลิตภัณฑ์ของ Apple มากถึงมากที่สุด

นอกเหนือไปจากการใช้ง่ายแล้ว เราจะรู้สึกถึงการเข้าไปอยู่ในโลกของApple ทั้ง

วิธีการ ประสบการณ์ และรวมถึงความรู้สึกต่างๆที่ไม่เหมือนใครอย่างแท้จริง

Timeless marketing.005

4.Turn Consumers Into Evangelists, Not Just Customers.

เปลี่ยนลูกค้าให้เป็นพระเจ้า คุณคงเห็นความบ้าคลั่งของคนที่ไปรอเข้าคิวเมื่อ Apple ออกสินค้าตัวใหม่

สิ่งนี้เกิดจากการที่เขารับฟัง คอมเม้น ของสาวก และยึดถือการไม่โอนอ่อนผ่อนตามแม้ตลาดจะโน้มเอียง

แต่ Apple จะมีแนวทางของตัวเองอย่างชัดเจน (หลังๆนี่ก็ชักไม่แน่ใจละ หลังจาก Tim cook มาบริหาร)

Timeless marketing.006

5. Master the Message, (and now that we’re on the subject, the delivery too).

เราจะเห็นการพูด Speech ของ สตีฟ จอป ทุกครั้งว่าสุดยอดแค่ไหน และ presntation ของเขาก็สุดยอดมากๆด้วย

Timeless marketing.007

6: Decisions should be Made by a Group, Not a Committee

การตัดสินใจสำคัญๆของ Apple มักจะมาจากกลุ่มเล็กๆ มากกว่ากลุ่มใหญ่ ซึ่งทำให้ไอเดียนั้น ค่อนข้างเฉียบคมและไม่ต้องมาประณีประนอมกับหลายๆฝ่าย

Timeless marketing.008

7.Find the enemy

การหาคู่แข่งให้เจอ ทำให้เรารู้ว่าเรามีเป้าหมายที่ไหน และจะต้องชนะคู่แข่งด้วยวิธีการอะไร

Timeless marketing.009

8.Keep the Design Simple, and when you Get there, “simply it even more”.

ออกแบบให้ง่ายต่อการใช้งาน แม้แต่คนที่โง่ที่สุดก็สามารถใช้ได้ นั่นคือวิถีของการออกแบบของ สตีฟ จ๊อป

Timeless marketing.010

9: You don’t have to be the first, but “you’ve got to be the best”.

คุณไม่จำเป็นต้องเป็นคนแรกแต่จงเป็นคนที่ดีที่สุด

Timeless marketing.011

10.Innovate or Die

ถ้าคุณอยากออกมายืนแถวหน้าของการแข่งขันในตลาด คุณต้องกล้าเสี่ยง ไม่อย่างนั้นคุณก็ถูกกลืนหายลงไปกับเขา

การคิดนอกกรอบของ Apple ทำให้เกิดสิ่งที่เหนือความคาดหมายและการที่สร้างความสม่ำเสมอของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่

ทำให้เกิดแบรนด์ที่แข็งแรงและมั่นคงที่ยาวนาน

“ทุกคนสามารถคิดแตกต่างได้ คิดใหญ่ได้ ขึ้นอยู่กับขนาดของหัวใจคุณ อย่าให้เสียงของคนอื่นมาบดบังความตั้งใจและความเป็นหนึ่งเดียวของคุณ กล้าหาญและลุกออกไปทำ อดทนจนกว่าคุณจะเจอสิ่งที่แตกต่างนั้นเพียงหนึ่งเดียวแล้วคุณจะรู้ว่าโลกใบนี้มันเป็นของเรา”

#Stevejob #timelessmarketing

เมื่อ เป๊บ กำลังพาแมนซิตี้ขึ้นอันดับ 1 ของโลกฟุตบอล

24 Sunday Jul 2016

Posted by brandchatz in ฟุตบอล, Uncategorized

≈ Leave a comment

Tags

business, football, marketing

Screenshot 2016-07-24 07.50.31
Screenshot 2016-07-24 07.50.46
Screenshot 2016-07-24 07.51.13
Screenshot 2016-07-24 07.52.35
Screenshot 2016-07-24 13.47.01

เป๊บ กวาดิโอล่า คือ ผู้จัดการทีมที่ค่าตัวแพงที่สุดในพรีเมียร์ลีค ณ ขณะนี้
ค่าตัวเกือบ 15 ล้านปอนด์ ต่อปี(มูรินโย่อาจจะได้มากกว่าถ้านับเฉพาะเงินเดือน) อาจสามารถจ้างโค้ชบางคนได้ 10 ปี แต่แมนซิตี้บอกโคตรคุ้ม
เพราะการมีแบรนด์ระดับเป๊บ มาเป็นหัวหลัก เป็นเหมือนการยกระดับทีมไปอีกขึ้นหนึ่งอย่างแท้จริง สอดคล้องกับทุกบ่อนยกให้ทีมเป็นเต็ง1 เรียบร้อย

คนที่พอรู้ อาจจะยักไหล่ แล้วก็บอกว่า ก็แหงดิ เรือใบมันมีแต่เงิน ใช้แต่เงินทำทีม
แต่หลายๆคนอาจะไม่รู้ว่า เกมที่ แมนซิตี้เล่น เป็นเกมที่ต้องการเป็นเบอร์ 1 ของโลกฟุตบอลในอนาคต!!!
เงิน $400 ล้านเหรียญ ที่ CMC จากจีน จ่ายให้กับกลุ่ม CFG หรือทางเจ้าของทีมเรือใบ
คิดเป็น 13% ของเงินลงทุน ของ 3,000 ล้านเหรียญ มากพอที่จะบอกว่า วันนี้ ซิตี้ ได้กำไรจากเกมฟุตบอลของเขาแล้ว

มันมีเรื่องให้น่าคิดว่า ทำไม เงินขนาดนี้ ไม่ไปตกอยู่กับทีม อย่าง แมนยู หรือ บาซ่าร์ มาดริด
เหตุผลอันนึงที่เป็นปัจจัยสำคัญเลยก็คือ การลงทุนเพื่ออนาคตของทีม ซึ่งแตกต่างไปจากทีมอื่นๆ

เราจะเห็นข่าว ตอนนี้ สนาม Academy ของซิตี้ ลงทุนกว่า 200 ล้านเหรียญ และกลายเป็น Academy ที่มีระบบดีที่สุด
และสอดคล้องกับการทำงานของ เป๊บ ที่ต้องการผลักดัน ให้เด็กเข้ามาในทีมมากขึ้น
และที่สำคัญ สิ่งที่เป๊บ และ2 นักบริหารของเรือใบ อดีต ซี้ปึ้กเขาจากบาร์เซโลน่าต้องการมากที่สุดก็คือ

การสร้าง นิวเมสซี่ ที่แมนซิตี้ !!!!
เราจะเห็น เด็กใหม่ ที่ตบเท้าเข้าไปฝึกกับ Academy แล้วออกมาโลดแล่น
เคสของ เดนนิส ซัวเรส ที่ตอนนี้ กลายเป็นนักเตะ บาร์ซ่าร์ เรียบร้อย
ซัวเรสคืออดีตเด็กเก่า ที่ซิตี้สร้างตั้งแต่ยุค มันชินี่ แต่ไม่มีโอกาสสอดแทรก
ทั้งๆที่ทุกคนรู้ว่าต้องรุ่งแน่ๆ แต่ด้วยการที่ต้องเน้นชัวร์
ทำให้โอกาสแจ้งเกิดของเด็กจึงไม่มี

แต่ในปีนี้ แล้วจะเห็นเด็กรุ่นใหม่มากขึ้นในอาณาจักรสีฟ้า
และเป๊บ ก็ทำให้เห็นนเกม อุ่นเครื่องกับ บาร์เยิร์น
ทั้งๆที่ เป็นเกมแรกที่ต้องสร้างความมั่นใจ
แต่เขากลับตัดสินใจให้โอกาสเด็กใหม่ลงสนามถึง 6 คน
และพักตัวเก๋าไว้ข้างสนาม

ถึงแม้จะแพ้ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดและแตกต่างจากปีที่แล้ว
นั่นคือ สปีดของเกมที่เปลี่ยนไป ทุกคนขยับเคลื่อนที่เร็ว
ทั้งๆที่ กุนซือใหม่ เพิ่งทำงานได้อาทิตย์เดียว

ซินเชนโก้ มิดฟีลด์ตัวล่าสุด อายุเพียง 19 จาก ยูเครน
สามารถเล่นแทนตำแหน่งซิลบาได้
อาจยังไม่เนียน แต่เขาก็ทำได้ดี
รวมถึงอย่าง angelino,Tosin, Maffeo,Manule Garcia และอีกหลายคนที่รอแจ้งเกิด

ถึงแม้ ข่าวการซื้อตัว บิ๊กเนม อย่าง โทนี่ โครส จอน สโตน
เด็กบราซิลอนาคตอย่าง กาเบรียล เฮซุส ก็มีข่าวออกมา
และเด็ก เยอรมันอย่าง ซาเน่ มีให้ได้ยิน
แน่นอน ยังมีข่าวการทุ่มทุนซื้อ แต่ ไม่ทั้งหมด สิ่งหนึ่งที่เป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่า
เด็กสร้างของทีม ก็พร้อมเช่นกัน โดยการปลุกปั้นจากสโมสรและเป๊บ

การทำงานของ แมนซิตี้ ด้วย vision และโครงสร้างที่ลงทุน
รวมถึงเลือก the best มาโค้ช เพื่อให้เกิด สตาร์ของโลก
ที่เขาสร้างขึ้นมาเอง มีโอกาสเป็นไปได้แน่นอน
และสิ่งเหล่านี้ นักลงทุน มองเห็น และรู้ว่า สิ่งที่เขาจะได้รับ
มันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม ในอนาคต
ในโลกของฟุตบอลที่กลายเป็นสินค้า วัฒนธรรม
ที่คนทั้งโลก ต่างหายใจเข้าออก เป็นฟุตบอลอังกฤษ
และซิตี้ คือแบรนด์ฟุตบอลของอนาคตในสายตานักลงทุน
ที่แม้แต่ สปอนเซ่อร์จากไทยก็ยังขอมีเอี่ยว

และในขณะที่ความสนใจของหลายๆทีม ไปอยู่ที่ป๊อคบา
กับราคาที่เกิน 100 ล้านปอนด์ และน่าจะเป็นสถิติโลก

และอย่างที่บอกบ่อนพนัน ปรับให้ แมนซิตี้เป็นแทง1 จ่าย2
เราจะได้เห็นกัน ในเดือนสิงหา กับการเริ่มต้นของโลกฟุตบอล
ที่นักเตะที่คนคือมหาเศรษฐีทั้งสิ้น นับจากนี้

แล้วเราก็จะได้รู้ ภาระกิจอันท้าทายนี้ จะเป็นอย่างไร
โลกฟุตบอลใบนี้ จะถูกฉาบไปด้วยสีฟ้าหรือไม่
เพื่อนบ้านที่น่ารำคาญหลังนี้ จะไปได้ไกลแค่ไหน
เราจะได้เห็นกัน
‪#‎MCFC‬ ‪#‎mancity‬ ‪#‎เรือใบสีฟ้า‬ ‪#‎PEP‬

← Older posts

Articles

blogger

  • brandchatz
April 2021
M T W T F S S
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930  
« May    

Goodreads

Blog at WordPress.com.