• About

brandchatz

~ World changing by branded

brandchatz

Category Archives: creativivity

ตีโจทย์ให้แตก อ่านบรีฟให้ขาด

15 Wednesday May 2019

Posted by brandchatz in creativivity, Uncategorized

≈ Leave a comment

Tags

ความคิดสร้างสรรค์, creativity, elvis

s-l30020100406_s_elvis_23
 
เจอรรี่ ไวน์เทร้าท์ เป็นโปรโมเตอร์รุ่นหนุ่ม เขาได้มีโอกาสทำงานให้กับ เอลวิส เพรสลีย์
ซึ่งถือว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของอาชีพของเจอรรี่เลยทีเดียว
เขาได้พูดคุยกับ เอลวิส ว่าเขาขอเป็นโปรโมเตอร์ทัวร์คอนเสิร์ต ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากคอนเสิร์ตนี้สำเร็จ
 
ชื่อเสียงของเขาจะโด่งดัง แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าเขาพลาด เขาก็คงต้องจบอาชีพนี้
เพราะนอกจากเขาจะหมดเนื้อหมดตัว แต่ชื่อเสียงเขาก็คงเป็นที่กระฉ่อนในวงการและคงไม่มีใครยอมให้เขาโปรโมทอีกแน่ๆ
 
เอลวิสมีเงื่อนไขเพียงข้อเดียวเท่านั้น ก็คือ “ผมไม่อยากเห็นเก้าอี้ว่างแม้แต่ตัวเดียวในการแสดงของผม”
.
ซึ่งก็ถือว่าเป็นของเสนอที่ไม่เลวนักสำหรับเจอร์รี่
.
ความจริงก่อนที่ทัวร์จะเริ่ม ตั๋วคอนเสิร์ตของรอบเย็นได้ขายหมดไปแล้ว
ทำให้เจอรรี่ ไวน์เทร้าท์ว่าถ้าเขาจะขายตั๋วคอนเสิร์ตรอบบ่ายก็น่าจะได้
ดังนั้น เขาจึงไปสั่งให้ผู้จัดการทำการโฆษณาสำหรับการแสดงแรกของตอนบ่าย
 
ในตอนเช้าของวันแสดง ได้แวะมาที่ออฟิศ เขาสังเกตุเห็นตั๋วเหลืออยู่ประมาณปึกนึงเกือบร้อยกว่าใบ
 
ผู้จัดการได้บอกกับเขาว่าที่ตั๋วขายไม่หมดเพราะมันเป็นโชว์ตอนบ่าย
ในสมองของเจอรรี่ แฟลชแบค ว๊าบกลับไปที่คำพูดของ
เอลวิสที่ได้พูดไว้กะเขาในตอนนั้นว่า
.
“ผมไม่อยากเห็นเก้าอี้ว่างแม้แต่ตัวเดียวในการแสดงของผม”
 
แต่ตอนนี้บัตรจำนวนเป็นร้อยใบ เหลืออยู่ตรงหน้าเขา
.
“ชิบ…ชีวิตกูจบเห่แน่แท้” เขาคิดพลางเหงื่อตกไป
 
หลังจากที่ได้คิดไตร่ตรอง เจอร์รี่ได้ตระหนักว่า
การขายบัตรให้เต็ม ไม่ใช่สิ่งที่ เอลวิส สรุปในประเด็น
.
ผมไม่อยากเห็นเก้าอี้ว่างแม้แต่ตัวเดียว…นั่นคือบทสรุปต่างหาก
คิดได้ดังนั้น เจอร์รี่ จึงตัดสินใจเอาเก้าอี้ที่ว่างอยู่ออกไป
และเมื่อถึงเวลาโชว์ เอลวิส ก็ไม่พบเก้าเอี้ที่ว่างในการแสดง แม้แต่ตัวเดียว
และคอนเสิร์ตนี้ ก็เป็นจุดเปลี่ยนทำให้ เจอรรี่
ได้กลายเป็น โปรโมเตอร์ระดับโลกในเวลาต่อมา
.
ในเวลาอีกหลายปีได้มีเหตุการณ์อีกเหตุการณ์นึงเกิดขึ้น
ก็คือเกิดการล่าหนังสัตว์ของสุนัขจิ้งจอกบริเวณทะเลอาร์คติก
ด้วยเหตุที่ขนมันนิ่มและฟูเหมาะกับการเอามาทำเสื้อโคัตทำให้มันจึงถูกฆ่าเป็นจำนวนมาก
สำหรับนักล่า วิธีการก็คือ จับจิ้งจอกทั้งหลายมา และฆ่าเพื่อถลกหนังเพื่อเอาไปขาย
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือหนังของเจ้าสัตว์ตัวนี้
ในเวลานั้น นักเคลื่อนไหวที่ต้องการให้กิจกรรมการฆ่านี้หยุดลง
แต่จะทำยังไง เพราะนักล่าเองก็มีจำนวนมากและนักล่าเหล่านี้ก็มีความเถื่อนใช้ได้
แต่บทสรุปของเรื่องนี้ อยู่ที่ ป้องกันไม่ให้จิ้งจอกเหล่านี้โดนถลก
ในที่สุด นักเคลื่อนไหวก็คิดได้ว่า ประเด็นมันไม่ได้อยู่ไปหยุดนักล่า
แต่เป็นการป้องกันไม่ให้ เหล่าสัตว์พวกนี้ โดนถลกหนังต่างหาก
เมื่อชัดเจนในข้อสรุป วิธีการของเหล่านักเคลื่อนไหวที่ทำในตอนนั้น
ก็คือ เอาสปรย์พ่นลงที่ผิวหนังของพวกจิ้งจอก
กลุ่มนักเคลื่อนไหวได้ออกไปพร้อมกระป๋องสเปรย์เพื่อพ่นสีลงตามตัว
การพ่นลงบนตัวเจ้าจิ้งจอก ซึ่งพวกนี้ก็ไม่สนใจ เพราะเมื่อสีเหล่านี้แห้ง
มันก็แทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสีพวกนี้ติดอยู่ตามตัวของมัน
ด้วยวิธีการเหล่านี้ ทำให้จิ้งจอกสามารถรอดชีวิตจากล่าได้สำเร็จ
เพราะไม่มีนักล่าคนไหนสามารถเอาหนังสัตว์ที่เต็มไปด้วยสี เอามาขายได้ราคา
.
สองเรื่องของนี้ กำลังบอกเราบางอย่างให้เรานั้น อ่านโจทย์ให้แตก
เข้าใจบทสรุปของเรื่องโจทย์นั้น ให้ดีๆ
ความคิดสร้างสรรค์ที่แท้จริง ไม่ได้มาจากการดิ้นรนหาคำตอบบนโจทย์ที่ไม่แตก
แต่ความคิดสร้างสรรค์คือการเข้าใจโจทย์อย่างชัดเจนและหาคำตอบที่แตกต่างออกไป
 
แปลและเรียบเรียงจาก Trott, Dave. One Plus One Equals Three: A Masterclass in Creative Thinking

The Creative heartbeat

13 Tuesday Sep 2016

Posted by brandchatz in creativivity, Uncategorized

≈ Leave a comment

Tags

creativity, thinker

41mgvav+LAL.jpg

หนังสือที่ชื่อ The secret of the highly creative thinker ดีมากครัช

ผมแปลและเรียบเรียงบางส่วนออกมาให้อ่าน

อ่านไม่เหมือนจากที่เขียนทั้งหมด

แต่ใจความมีอยู่แบบนี้

==============

The Creative heartbeat

ไม่ว่าคุณจะคิดว่าตัวคุณมีความคิดสร้างสรรค์หรือไม่ ความคิดสร้างสรรค์มันถูกบรรจุอยู่ในในุษย์ทุกคนตั้งแต่กำเนิด  และพลังของความคิดสร้างสรรค์ก็เป็นพลังงานที่มีแรงกระเพื่อมสูงมาก  การสร้างสรรค์ จึงเป็นภาษาจำเป็นที่จะเป็นที่จะช่วยให้การกระทำทุกอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นๆ ในทุกๆวัน

และก็เช่นกัน  ความคิดสร้างสรรค์ก็เหมือนกับ ธรรมชาติที่สอง ไม่ต่างกับ การหายใจและจังหวะเต้นของหัวใจคุณ ซึ่งมีอยู่ในตัวทุกคน

นักจิตวิทยาที่ชื่อ  JP Guilford เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Divergent กะConvergent พูดง่ายๆก็คือ แยกออกกะรวมเข้าไป

การคิดแตกทางความคิด เป็นการเปิดความเป็นไปได้ให้มากที่สุด  เป็นการแตกแขนง ขยายทุกอย่างออกไป ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้ คุณต้องไม่ไปปิดหรือควบคุมเวลาที่คุณกำลังให้ความคิดนั้นทำงาน  ในขณะที่

การคิดรวบรวม คือการตัดสิ่งที่ไม่ใช่ออกไป สนใจเพียงสิ่งที่เราเลือกที่เราเชื่อว่าจะพาเราไปเจอเป้าหมายได้จริงๆ เทคนิคที่สำคัญ อีกอย่างก็คือ คุณต้องรู้จักตัวเลือกคุณให้ดีและแน่ใจว่าคุณไม่ได้กำลังจะขว้างทิ้งไอเดียเงินล้านออกจากตัวเองไป

สิ่งที่ดีที่สุดของการคิดสร้างสรรค์คุณต้องมีทั้งสองส่วนนี้ แตกออกไปก่อน แล้วค่อยรวบเข้ามา

เพราะทั้งสองอย่างมันเป็นสิ่งที่ไปด้วยกัน เหมือนหยินกับหยาง

ดังนั้นเมื่อคุณกำลังเลือดสูบฉีดกับไอเดียที่เข้ามา  อย่าเพิ่งหยุด จงปล่อยให้มันไหลออกมาเรื่อยๆ ให้มันแตกแขนงจนครบรากของมันและจากนั้นคุณค่อยตัดกิ่งก้านไหนที่มันไม่เข้าที่เข้าทางออกเสีย คุณก็จะพบกับไอเดียที่ดีที่สุดที่คุณจะเอาไปใช้งาน

==================

เขียนซะยาว มันก็เป็นขั้นตอนง่ายๆแต่หลายคนก็ลืมมันไป นี่แหล่ะ ที่เรียก ความคิดสร้างสรรค์

การเริ่มคิดแบบ สร้างสรรค์

30 Saturday Jul 2016

Posted by brandchatz in creativivity, Uncategorized

≈ Leave a comment

Tags

creaticity

creativity2.001

การเริ่มต้นความคิดสร้างสรรค์ไม่ยากเลย

สุภาษิตจีนโบราณเคยกล่าว 

“เมื่อลมเปลี่ยนทิศแรง บางคนสร้างกำแพง  บางคนสร้างกังหัน”

ในความเปลี่ยนแปลง สัญชาติญาณของมุนุษย์มักสร้างกำแพงเพื่อป้องกันตัวเอง

แต่ความคิดสร้างสรรค์จะช่วยให้คุณสร้างกังหัน

แน่นอนเมื่อคุณต้องเดินทางอยู่บนโลกของความเสี่ยงเพราะเปลี่ยนแปลง

แต่สิ่งที่ตามมาคือโอกาส

ทำให้ความคิดในการแก้ปัญหาจึงตามมาด้วยดังนั้น

ความคิดสร้างสรรค์จึงหมายถึงการสร้างสิ่งใหม่ๆ

ไม่มีสิ่งใหม่ๆอันไหนที่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์

ความคิดสร้างสรรค์ เป็นเหมือนรางวัล หรืออาจจะเป็นคำพูดสุภาพสำหรับการพูดคุย

เช่น “สิ่งที่เธอคิดมันสร้างสรรค์ไปหน่อยนะ…” แต่ก็ต้องยอมรับ

ว่าความคิดสร้างสรรค์คือทักษะที่สำคัญและเป็นเหมือนของราคาแพงที่จะทำให้คุณแตกต่าง

และสร้างคุณค่าคุณในการแข่งขันเวลาอยู่ในตลาด

———–

มีคนเคยไปทำแบบสอบถามกับ CEO ที่ IBM คุยกับผู้นำองค์กรกว่า 30 ประเทศ 1500 องค์กร

ทุกรายงานเขียนคล้ายๆกันว่าสิ่งที่ผู้บริการต้องเจอ นั่นก็คือความเปลี่ยนแปลง

และการแก้ปัญหาความเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดก็คือ ความคิดสร้างสรรค์

ความคิดสร้างสรรค์แบบ สร้างกังหัน อย่างที่ภาษิตจีนบอก คือวิธีที่ดีที่สุด

ที่จะรับมือความเปลี่ยนแปลง

————

เราไม่ได้พูดถึงเรื่องของ ความงามเชิงศิลปะ ซึ่งเป็นแบบหนึ่งของความคิดสร้างสรรค์

แต่ความคิดสร้างสรรค์ที่สำคัญ นั่นคือแนวคิดที่นำไปสู่การแก้ปัญหา

ซึ่งการคิดแบบนี้ อนุญาตให้คุณ เปิดหน้าความคลุมเคลือ มองช่องว่าง

เชื่อในลางสังหรณ์พลิกกลับทฤษฎีหาแนวทางโอกาสกลยุทธ์

เชื่อมโยงความคิดต่างๆที่ไม่น่าเกี่ยวกัน หรือ จินตนาการอนาคต

อย่างจับใจจนคนอื่นยอมให้คุณเป็นต้นทางความคิด

ณบัดนาวแนวคิดเชิงสร้างสรรค์กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดกับทุกงาน

“ไม่ว่าคุณจะกวาดถนน ตัดต้นไม้ เขียนหนังสือ เล่นดนตรี วาดรูป ทำงานสอน

งานวิทยาศาสตร์ การแพทย์ ทนายความหรือ การขาย ล้วนต้องมี ความคิดสร้างสรรค์ทั้งสิ้น

ผมจะมาพูดต่อในเรื่องของการทำยังไงให้เกิดความคิดสร้างสรรค์

เราควรมีเทคนิคอย่างไร เพื่อให้ความคิดสร้างสรรค์บังเกิด

เพราะความคิดสร้างสรรค์สามารถฝึกได้  แต่ใจและการปฏิบัติต้องพร้อมด้วย”

———

ส่วนหนึ่งของข้อเขียนของ Dort Nielsen&Sarah Thrbur

source:

The secret of the highly creative thinker เขียนโดย Nielsen thurber

ลองไปหาอ่านดูนะครับ ดีมากๆ

Credit pict:

เรียนรู้สร้างคอนเท้น ครีเอทีฟๆ จากการถ่ายรูปกัน

29 Friday Jan 2016

Posted by brandchatz in creativivity, Uncategorized

≈ Leave a comment

Tags

creativity, photography

ถ่ายรูป ไม่ยากอย่างที่คิด ยิ่งโดยเฉพาะปัจจุบันที่มีกล้องมือถือเจ๋งๆให้คุณสามารถใช้ได้ราวกับมืออาชีพ

ผมมีหลักง่ายๆให้คุณลองนำไปใช้สำหรับการถ่ายรูปให้มี ครีเอทีฟมากขึ้น

1.เรียนรู้จากการดูภาพที่ดีดี ให้ความคิดสร้างสรรค์ การดูรูป หลายๆแบบ จากแหล่งภาพที่ดีๆจะทๆให้คุณมีไอเดยที่มากขึ้น  ยอมสละเวลาสัก 10-20 นาที เพื่อดูแล้วจดจำภาพเหล่านั้น

2.ถ่ายรูปจากสิ่งที่คุณรัก  ไม่ว่าจเป็นรูปคน รูปทิวทรรศน์ อาหาร ท่องเที่ยว หรือคนที่คุณรัก จงเริ่มต้นถ่ายจากสิ่งทีคุณรัก

3.รู้จักจัดองค์ประกอบของรูป  การถ่ายรูปก็เหมือนการจัดบ้าน คุณต้องลองจินตนาการง่ายๆว่า คุณจะจัดวางสิ่งต่างๆที่อยู่ในรูปของคุณให้มีอะไรบ้าง เก้าอี้ จะอยู้ด้านซ้าย คน อยู่ตรงกลาง ขวามือควรจะมีอะไรให้ สมส่วนหรือไม่ อย่างนี้อเป็นต้น

4.ใช้แสงให้เป็นเครื่องที่ส่งเสริม ตามหลักง่ายๆของการถ่ายรูปนั้น ต้นกำเนิดแสงคือจุดเริ่มต้น ดังนั้น คุณควรจะลองสังเกตุที่มาของแสงในรูปว่ามาจากที่ไหน ดังนั้น ยิ่งคุณเริ่มจับแสงได และสามารถนำแสงจากแหล่งต่างๆมาช่วยให้รูมีความคมชัดหรือแตกต่าง คุณจะเริ่มมีรูปที่สร้างสรรค์มากขึ้น

5.น้อยคือมาก  อย่าพยายามยัดอะไรลงไปในรูปของคุณมากเกินความจำเป็น หาช่องว่างให้รูปเสียบ้าง แล้วรูปคุณจะน่ามองขึ้น

6.ความเบลอ คือ เสน่ห์  การถ่ายรูป มีทั้งชัดและเบลอ คุณต้องรู้จักใช้มันให้เป็น ดังนั้น รูปที่ชัดไม่ได้บ่งบอกถึงความสวยงามเพียงอย่างเดียว รู้จักใช้ shutter speed และลองเล่นกับมันในหลายๆ mode คุณจะเริ่มมีมิติมากขึ้น

ลองไปหัดกันดูนะครัช หวังว่าจะทำให้ถ่ายรูปกันเก่งขึ้น

ถอดความและเรียบเรียงใหม่จาก

http://www.photoventure.com/2014/06/27/6-ways-to-take-more-creative-photos-that-will-cost-you-absolutely-nothing/6/

รูปจาก

5e9049ae7b230b924f776b69180ced3c
84f3189a6550ae4da7285d78832d0b88
da2ab695c05730eb6379446faccf28a1

Articles

blogger

  • brandchatz
February 2021
M T W T F S S
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
« May    

Goodreads

Blogs I Follow

  • Myopic Life
  • ที่นี่มีเรื่องเล่า
  • VAGABOND CITY
  • Musing
  • surface & surface
  • sarahgoodreau
  • Ideas at the intersection of technology, marketing and culture
  • brandchatz

Blog at WordPress.com.

Myopic Life

Can't see all that far down the road...

ที่นี่มีเรื่องเล่า

by @somchartlee

VAGABOND CITY

A digital space feat. poetry, art, nonfiction, interviews, and reviews by marginalized creators.

Musing

A publication of Parnassus Books

surface & surface

Art & Design Choice Cuts

sarahgoodreau

things and not things.

Ideas at the intersection of technology, marketing and culture

(with an occasional randomness thrown in)

brandchatz

World changing by branded