• About

brandchatz

~ World changing by branded

brandchatz

Monthly Archives: August 2015

Basic Bebop Licks

28 Friday Aug 2015

Posted by brandchatz in Uncategorized

≈ Leave a comment

ดนตรี Bebop ที่เป็น มาตรฐานของการเล่น Jazz ที่เริ่มต้นสำหรับคนดนตรีทุกคน ดังนั้น คนเล่น Jazz ควรจะเริ่มต้นมี่สถานี bebop เสียก่อนที่จะไปต่อ เพื่อเป็นการเสริมสร้างความเข้าใจ ภาษาในโลกของดนตรี Jazz

Bebop Study Jazz Licks、Transcriptions、Bebop Approach &n…

Source: Basic Bebop Licks

facebook เริ่มให้ซื้อโฆษณาบน instagram แล้วในประเทศไทย!

25 Tuesday Aug 2015

Posted by brandchatz in Uncategorized

≈ Leave a comment

การตลาดออนไลน์เติบโตขึ้นอย่างมาก ตอนนี้ทุก App เริ่มใช้วิธี Merge และทำ Advert กันอย่างสนุกสนาน

Google Analytics Thailand

Instagram-Carousel-Ads

หลังจาก Facebook เข้าซื้อ Instagram ทุกคนต่างเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่จะสามารถซื้อโฆษณาบน instagram ได้เสียที ซึ่งผมเองเคยสอบถามทางทีม facebook และได้คำตอบว่าช่วงกันยายนนี้จะเริ่มปล่อยให้ทดสอบได้ แต่เมื่อวานนี้ทีม media buy ของผมพบว่าฟีเจอร์การแสดงโฆษณาบน instagram ถูกปล่อยออกมาสดๆ ร้อนๆ แต่ยังปล่อยสำหรับบาง account อยู่นะครับ ซึ่งหน้าตาเป็นไปตามรูปด้านล่างนี่แหละครับ โดยที่ Instagram จะเป็น Placement (ตำแหน่งโฆษณา) หนึ่ง ที่ให้เลือกเพิ่มเติมนอกจาก mobile news feed, desktop news feed และ desktop right column หมายความถ้าเราซื้อโฆษณาสักตัวหนึ่งเราสามารถเลือกให้แสดงที่ facebook mobile news feed และ instagram ไปพร้อมกันได้เลย

View original post 42 more words

ความคิดที่ผ่านเข้ามาหลังระเบิดที่ราชประสงค์

18 Tuesday Aug 2015

Posted by brandchatz in Uncategorized

≈ Leave a comment

Anontawong's Musings

20150817_Bomb

เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง?

คือคำถามแรกที่ผุดขึ้น หลังจากไล่ดูข้อมูลตามไลน์และเว็บไซต์ทั้งไทยและเทศ

รายงานล่าสุด มีผู้เสียชีวิต 27 ราย (เป็นชาวต่างชาติ 4 ราย) บาดเจ็บ 81 ราย

ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด นี่คือการก่อวินาศกรรมครั้งใหญ่ที่สุดที่กรุงเทพเคยมีมา

ในช่วง 10 ปีที่บ้านเมืองเราอยู่ในความขัดแย้ง กรุงเทพอาจจะมีระเบิดตรงนั้นตรงนี้ แต่มีคนเสียชีวิตน้อยมาก

ผมก็คิดเข้าข้างตัวเองว่า ยังไงๆ ซะ คนที่แย่งชิงอำนาจกันส่วนใหญ่ก็ยังเป็นชาวพุทธ คงยังมีความละอายและเกรงกลัวแต่บาปอันเกิดจากการเข่นฆ่าเพื่อนมนุษย์

แต่เหตุการณ์ระเบิดที่พระพรหมเอราวัณค่ำวันนี้ ทำให้ผมต้องคิดใหม่เสียแล้ว

เราคงมาถึงจุดๆ นี้แล้วจริงๆ

จุดที่คนไทยบางคน พร้อมจะก่อเหตุเพื่อตอบสนองอะไรบางอย่าง แม้รู้อยู่แก่ใจว่าจะสร้างความสูญเสียให้แก่ผู้บริสุทธิ์มากแค่ไหน

—–

การเลือกเวลาและสถานที่ ดูจะมองเป็นอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากต้องการให้ระเบิดคราวนี้ก่อความเสียหายให้มากที่สุดและให้เป็นข่าวไปทั่วโลก เพราะสี่แยกราชประสงค์ รวมถึงจุดเกิดเหตุอย่างพระพรหมเอราวัณ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวหลายคนต้องมาเยือน

และคงสมใจคนสั่งการ เมื่อ Reuters,  AP,  CNN, BBC และ Al Jazeera พร้อมใจกันนำเสนอข่าวบ้านเราขึ้นเป็นข่าวอันดับหนึ่งในเว็บไซต์ของเขา

2015-08-18_0001242015-08-17_2317002015-08-17_2154322015-08-18_083812

2015-08-18_000226

—–

แล้วเราทำอะไรได้บ้าง?

น่าจะแบ่งเป็นสองส่วน คือเราไม่ควรทำอะไร และควรทำอะไร

สิ่งที่ไม่ควรทำ

1. ส่งข่าวลือต่อทางไลน์ โดยไม่มีแหล่งที่มาที่ชัดเจน เพราะจะยิ่งก่อให้เกิดความสับสนและเข้าใจผิด แหล่งที่มาที่ชัดเจนในความหมายของผมคือลิงค์กลับไปยังหน้าเว็บไซต์ของต้นทางที่อ้างอิงถึง (ไม่ว่าจะเป็นสื่อ รัฐบาล กาชาด โรงพยาบาล หรือโรงเรียน)

2. ส่งรูปของผู้เสียชีวิต มีคนในกรุ๊ปไลน์ตำหนิว่าอย่าส่งเพราะว่ามันเป็นภาพที่ไม่น่าดู แต่ผมว่าเหตุผลที่สำคัญกว่าคือเราควรให้เกียรติผู้เสียชีวิต ถ้าผมเป็นญาติใกล้ชิดกับผู้ตาย ผมย่อมไม่ปรารถนาให้ภาพของคนที่เรารักที่สุดปลิวว่อนอยู่ใน social media แน่ๆ

สิ่งที่ควรทำ

1. จัดให้มีระบบเช็คความปลอดภัยของพนักงาน ที่บริษัทของผมจะมีสิ่งที่เรียกว่า Call Tree หรือต้นไม้แห่งเบอร์โทรศัพท์ นั่นคือหัวหน้าทุกคนจะต้องมีเบอร์ลูกน้องของตัวเองทุกคน เวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน นายใหญ่สุดของที่เมืองไทยจะเริ่มโทร.หา Director ของแต่ละแผนก Director ก็จะโทร.หา Manager, Manager โทร.หา Team Leader และ Team Leader จะโทร.หาลูกน้องในทีม ด้วยวิธีการโทร.ต่อกันเป็นทอดๆ เช่นนี้ จะทำให้เราสามารถตรวจสอบได้ว่าพนักงานทั้งหมดของเราปลอดภัยดีมั้ย

ผมหันไปถามแฟน (ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่เหมือนกันแต่ไม่ใช่สัญชาติฝรั่ง) ว่ามีสิ่งที่เรียกว่า Call Tree หรืออะไรที่คล้ายๆ กันมั้ย แฟนบอกว่าไม่มี ผมก็เลยอนุมานเอาว่าบริษัทจำนวนมากอาจจะยังไม่มีกระบวนการที่ว่านี้ แต่ผมขอแนะนำว่ามันเป็นสิ่งที่ทุกบริษัทควรจะมีเป็นอย่างยิ่ง

2. ช่วยเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ ภาษาไทยเรามีสำนวน “เอาหูไปนา เอาตาไปไร่” ซึ่งสะท้อนลักษณะนิสัยของคนไทยได้เป็นอย่างดี

ผมว่าถึงเวลาต้องปรับตัวกันแล้วนะครับ

เห็นอะไรไม่ชอบมาพากล อย่านิ่งดูดายหรือคิดว่าธุระไม่ใช่ ก่อนอื่นเราต้องเดินออกให้ห่างจากจุดต้องสงสัย เมื่อแน่ใจแล้วว่าเราปลอดภัย ก็ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้รับทราบ

เพียงแค่เรา “เอาธุระ” ซักหน่อย เราอาจจะได้ช่วยชีวิตคน

3. สวดมนต์ภาวนา ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และคุณงามความดีคุ้มครองเจ้าหน้าที่ที่ต้องเสี่ยงภัยและเหนื่อยไม่น้อยต่อจากนี้ไป (ในขณะที่ผมนั่งพิมพ์บล็อกในห้องนอนที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ)

และแน่นอน เราควรสวดมนต์และภาวนาให้กับผู้เสียชีวิตด้วย

เราเป็นคนศาสนาใด ก็ทำตามความเชื่อของศาสนานั้นเพื่อให้ดวงวิญญาณที่ล่วงลับได้ “กลับบ้าน”

ขอให้ดวงวิญญาณผู้บริสุทธิ์ทุกดวงไปสู่สุคติครับ

—–

ขอบคุณภาพจาก Pixabay.com

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ http://anontawong.com/archives/

อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings

View original post 15 more words

เบสกีตาร์ ตำแหน่งสำคัญที่คนมักเล่นน้อยในวงดนตรี

15 Saturday Aug 2015

Posted by brandchatz in advertising, ดนตรี, บุคคล, ฟุตบอล, football, HR, music

≈ Leave a comment

Tags

การทำงาน, นิสัย, เบส, band, bass, football, guitar, music, personal, personality

8560201632_1d97a7a45b_o

มือเบส หรือเบสกีตาร์ เป็นเครื่องดนตรีเด่นน้อย

คนที่คิดจะเล่นในสมัยผม คือคนเล่นกีตาร์ไม่ค่อยเก่ง

ถ้าใครคิดจะตั้งวง ตำแหน่งยอดฮิตก็คือ มือกีตาร์

เป็นตำแหน่งที่วัยรุ่นชื่นชอบสุด

ตำแหน่งถัดมาก็มักจะเป็นมือกลอง

เพราะมันดูเท่ และดูมีความแตกต่าง

วงร๊อคส่วนใหญ่มักไม่ค่อยมีคียบอร์ด

ถ้าจะมี คนที่เล่นส่วนใหญ่ก็มักเป็นสายเรียนเปียโนมาก่อน

ทางบ้าน อาจจะมีอันจะกิน เพื่อนๆจึงมักบังคับให้ไปเล่น

สำหรับนักร้อง เป็นตำแหน่งที่เรียกกันว่า เล่นดนตรีไม่เป็นก็มาร้อง

เพราะส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นเพื่อนร่วมก๊วน

มาร้องให้วงหน่อย จะได้รู้ว่าเล่นถูกท่อนรึเปล่า

แต่พอนานๆไป เริ่มเล่นเป็นมากๆขึ้น

ร้องก็เป็นตำแหน่งที่เด่นที่สุด ได้แฟนเร็วสุด

ส่วนเบสน่ะหรอ  เป็นตำแหน่งกลางๆ

ไปกีตาร์ก็ไม่ได้ เพราะยากไป แต่จะเป็นนักร้อง อันนั้นก็ไม่ได้เล่นดนตรี

ดังนั้น เบส จึงเป็นตำแหน่งที่เหมาะกะคนที่อยากอยู่ในวง แต่เล่นไม่ค่อยเก่ง

หรือไม่ก็เป็นพวกขี้เกียจซ้อม เป็นแบบนั้น

แต่ในอีกมุมหนึ่ง สำหรับคนเล่นเบสบางคนที่ผมได้เจอ

บางคนเล่นกีตาร์ใช้ได้เลย แต่เขาเลือกมาเล่นเบส เพื่อให้วงได้เกิด

อาจจะไม่ได้ชอบเบสมาก แต่เสียสละเพื่อให้วงมันเป็นวง

ถึงแม้จะเป็นตำแหน่งที่เขาไม่ชอบเล่น

แต่การที่มีคนเบส เท่ากับวงมันมีแกนแล้ว

เบส  จึงเป็นตำแหน่งที่โคตรสำคัญในวงดนตรี

วงจะดีไม่ดีนั้น อยู่ที่คนเบส 

เพราะเบสจะคอยควบคุมจังหวะ สร้างตำแหน่งสูงต่ำของคอร์ด

และถึงจะไม่มี Hero เหมือนอย่างคนเล่นกีตาร์มากนัก

แต่คนเล่นเบส หลายคนก็ เท่ และโด่งดังมากๆ อย่างเช่น Sting แห่ง ThePolice 

เพราะการเล่นเบส เหมือนมนุษย์ปิดทองหลังพระ

ดูไม่เด่น แต่มีประโยชน์ ทำให้ผมนึกถึง กีฬาอย่างฟุตบอล

คนส่วนใหญ่ก็ชอบเล่นตำแหน่งกองหน้า ใครจะอยากมาเล่นกองหลัง

ผมเห็นหลายๆครั้ง คนที่เล่นดนตรี หรือเล่นกีฬา

ตำแหน่งของการเล่น บ่งบอกนิสัยของเขาได้

เพราะการเลือกเครื่องดนตรี หรือการยืนตำแหน่งการเล่นของเขา

จะทำให้คุณรู้ถึงความคิดของเขา

หากคุณจะต้องรับสมัครงาน รับใครมาทำงานด้วย

ลองถามเขาดู  เผื่อว่าเขาเล่นดนตรีหรือกีฬาอะไร

ถามลงไปอีกนิดว่าเขาเล่นเครื่องอะไรหรือตำแหน่งอะไร

คุณอาจจะพอมองเห็นนิสัยบางอย่างของเขาได้เลย

“Life” เรื่องจริงจากช่างภาพและดาราหนุ่มดาวรุ่ง หนังที่ช่างภาพต้องดู

15 Saturday Aug 2015

Posted by brandchatz in Uncategorized

≈ Leave a comment

Siam Street Nerds

กำหนดฉายในไทยแล้ว ประมาณปลายเดือนกันยา 2558 สำหรับ LIFE หนังจากเรื่องจริงที่พูดถึงช่วงเวลาปี 1955 ที่เป็นการร่วมงานกันของช่างภาพไฟแรง Dennis Stock และดาราหนุ่มที่กำลังมาแรง James Dean (ซึ่ง Dean เสียชีวิตในปีนั้น และโด่งดังอย่างมากหลังจากที่เสียชีวิต

LIFE - DANE DEHAAN AND ROBERT PATTINSON LIFE – DANE DEHAAN AND ROBERT PATTINSON

Dennis Stock ช่างภาพชาวนิวยอร์ค หนึ่งในช่างภาพของ Magnum ที่โด่งดังจากการตามเก็บถ่ายภาพของศิลปินแจ๊สระดับโลกในยุคที่เพลงแจ๊สคือเพลงกระแสหลักของโลก ไม่ว่าจะเป็น Louis Armstrong , Billie Holiday , Duke Ellington  ซึ่งซีรี่ย์นั้นชื่อว่า “Jazz Street” รวมไปถึงยุคที่เรียกได้ว่า Golden Age ของดาราฮอลลีวูด Stock ก็เป็นช่างภาพที่ถ่ายแทบจะทุกคน

ภาพจาก Magnum Photo : USA. New York City. 1955. James DEAN haunted Times Square

แต่รูปที่เป็นที่จดจำมากที่สุด คงหนีไม่พ้นรูปของ James Dean ที่เดินอยู่ตรง Time Square ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปี 1955 ที่ Stock ได้รับมอบหมายจาก Life Magazine ให้ตามติดเก็บภาพ Dean ไปยังบ้านเกิดที่อินเดียนน่า จนมาถึงนิวยอร์ค ซึ่งช่วงเวลานั้นถูกนำมาสร้างเป็นหนังเรื่องนี้

Dennis Stock แม้จะมีชื่อจากภาพ Portrait ศิลปินเพลงต่างๆ แต่ก็เป็นช่างภาพที่มีความเป็น Street Photographer ไม่น้อย ด้วยความที่เป็นช่างภาพเก็บงานเชิง Documentary มากมาย ทำให้ภาพหลายๆภาพที่เป็นภาพสตรีท

LIFE กำกับโดย Anton Corbijn (จาก Control) มี Robert Pattinson รับบท Dennis Stock และ Dane DeHann รับบท James Dean 

ภาพจาก Magnum Photo : USA. California. 1968. Venice Beach Rock Festival.

View original post

เส้นทางรวย จากเงิน 3 แสน เปลี่ยนเป็น 30 ล้าน ใช้เวลาแค่ 7 ปี โดย คุณเทียนย้อย

04 Tuesday Aug 2015

Posted by brandchatz in Uncategorized

≈ Leave a comment

ดีมากสำหรับคนที่จะทำธุรกิจ

RANYA ACADEMY


แชร์ประสบการณ์เส้นทางรวย จากเงิน 3 แสน เปลี่ยนเป็น 30 ล้าน ใช้เวลาแค่ 7 ปี อยากรู้ว่าทำอย่างไร ไปหาคำตอบกันค่ะ

การมีเงินหลักสิบล้าน อาจดูเป็นฝันที่เกินเอื้อมสำหรับใครหลายคน เพราะการก้าวสู่เส้นทางแห่งความมั่งคั่งย่อมต้องมีอุปสรรคมาขวางทางเสมอ แต่จากประสบการณ์ตรงของ คุณเทียนย้อย สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จะมาแชร์ให้เรารู้ว่าเพียงการเริ่มต้นด้วยเงินทุนแค่ 3 แสน ก็สามารถเปลี่ยนเป็นเงิน 30 ล้านได้ โดยใช้เวลาเพียงแค่ 7 ปีเท่านั้น เขาทำได้อย่างไร เราไปติดตามเรื่องราวกันเลยค่ะ
ผมอยากเขียนเรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ แชร์ประสบการณ์กับผู้ที่กำลังอยากเริ่มประกอบธุรกิจส่วนตัวที่ยังไม่รู้จะทำอะไร กล้า ๆ กลัว ๆ เคล็ดลับง่าย ๆ ที่ทำได้จริงไม่ต้องมโน ไม่ใช่สานต่อธุรกิจพ่อแม่ แต่ทำได้เอง อาจเป็นตัวเงินไม่มากสำหรับหลาย ๆ ท่าน แต่มันมากสำหรับผม เริ่มเลยนะครับ

รูปมาจาก: http://ithinkifeeliam.com/wp-content/uploads/2009/11/NC_i-am-a-failure.jpg

ก้าวที่ 1 สู่ความล้มเหลว

ระหว่างทางผมขับรถไปส่งของให้ที่บ้าน เห็นตึกแพลตินั่มเปิดจองทำเล ผมจึงเข้าไปทำเรื่องขอเช่า ผ่านไปสองเดือนอีกไม่กี่วันก็จะเปิดตึกละ จึงแวะเข้าไปถาม สุดท้ายเจ้าหน้าที่บอก น้องไม่เคยมีหน้าร้านขายจึงไม่มีสิทธิ ผมก็หมดหวัง แต่ผมก็อ้อนวอน เจ้าหน้าที่เห็นว่าเหลืออยู่แค่ 4 ห้องที่ทำเลไม่สวย เลยถามน้องจะเอาไหม สรุปผมก็ได้มา 1 ห้อง (นี่ล่ะครับดาวนำโชคดวงที่หนึ่ง คือ คุณได้ทำเลทองก็มีชัยไปกว่าครึ่ง)

พอได้ปุ๊บงานเข้า ใครจะช่วยทำ ผมจึงไปชวนให้พี่สาวลาออกจากงานประจำ แล้วให้ความหวังเข้าสุดฤทธิ์ว่ามันจะเวิร์ก พี่สาวผมก็ร้องไห้ แล้วบอกว่าออกมาแล้วอย่าทิ้งกันนะ ผมก็บอกแน่นอน แต่ในใจผมยังไม่รู้จะเป็นไงเลย (คุณต้องมีหุ้นส่วนที่ความคิดพร้อมจะไปกับคุณ)

คำถามยอดฮิต แล้วผมจะขายอะไร ผมยังไม่รู้เลยจะขายอะไร มีเวลาอีก 30 วัน ผมจึงไปเปิดหนังสือเส้นทางเศรษฐีในมติชน จนไปเจอคอร์สสอนทำรองเท้า ผมจึงใช้เวลา 30 วันไปเรียนตัดรองเท้า ส่วนพี่สาวผมให้ไปเรียนตัดเย็บเสื้อยืด พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าจะเกิดไรขึ้น (ไม่มีการวางแผน แล้วไปตายเอาดาบหน้า คือความผิดมหันต์ตั้งแต่แรก)

สุดท้ายผมได้ออกมาเปิดโรงงานทำรองเท้าแตะ พนักงานสามคน (ทาวน์เฮาส์เล็ก ๆ) ผมต้องวิ่งวุ่นไปซื้อวัตถุดิบ แล้วกลับมาทำ แล้วไปส่งเข้าร้าน แถมต้องเฝ้าร้านอีก ชีวิตบัดซบมาก ชีวิตผมช่วงนั้น Loss in decade ไม่ได้เจอใครเลย (ถ้าคุณเป็นศูนย์กลางของการทำทุกสิ่ง คุณก็เตรียมตัวตายไปกับงานเลย)

ส่วนพี่สาวผมก็ไปจ้างเพื่อนเขาตัดเย็บ สกรีนแล้วออกแบบลายไทย เพราะน่าจะขายลูกค้าต่างชาติได้ โดยช่วงนั้นพี่สาวผมก็จะเฝ้าหน้าร้านเป็นหลัก เชื่อไหมครับว่าเดือนหนึ่งขายรองเท้าแตะได้วันละ 400 เสื้อวันละ 2,000 คิดเอาครับจะรอดไหม (ถ้าคุณทำในสิ่งที่ไม่ถนัด มันจะออกมาเป็นขยะเต็มร้าน)

ผมฝืนแบบนี้มา 1 ปี ใครบอกว่าเป็นเจ้านายตัวเองมันสบาย ขอบอกบัดซบมาก ๆ บางวันขายได้วันละ 49 บาท รองเท้าแตะหนึ่งคู่ ผมกลับมานั่งคิดวางแผนใหม่ว่าไม่ใช่ละ (ผมเริ่มวางแผนละ) กว่าจะเริ่มวางตอนนั้นขาดทุนไปละ 5 แสน ผมจึงต้องประกาศปิดโรงงานทำรองเท้าแตะ พร้อมต้อง Lay Off พนักงานทั้งหมด แต่เสื้อยืดลายไทยยังขายต่อไป (ถ้าคุณทำในสิ่งที่คุณอยากทำแต่ตลาดไม่ได้ต้องการ คุณก็จะได้ใช้มันเพียงคนเดียว)

ผมจึงเริ่มไปโบ๊เบ๊…

View original post 1,264 more words

Articles

blogger

  • brandchatz
August 2015
M T W T F S S
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31  
« Jul   Sep »

Goodreads

Calendar

August 2015
M T W T F S S
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31  
« Jul   Sep »

Blog at WordPress.com.