• About

brandchatz

~ World changing by branded

brandchatz

Monthly Archives: June 2015

ความหมายที่แท้จริงของ Brand Value

29 Monday Jun 2015

Posted by brandchatz in advertising, brand, brand value

≈ Leave a comment

Tags

ดับกระหาย, น้ำดำ, เครื่องดื่ม, แบรนด์, โคคาโคล่า, โค้ก, Brand value, Branded, branding, cocacola, coke

41GGCdQNz8L

วันก่อนมีลูกค้าที่สนิทกันท่านนึงชวนไปคุยงานและทานข้าวด้วยกัน

เค้าถามถามผมว่าเรื่อง Brand Value มันคืออะไร ให้ช่วยอธิบายหน่อย

ผมยังไม่ทันได้ตอบ ก็พอดีพนักงานทางร้านก็เดินมาหาลูกค้าท่านนี้พูดคุยด้วยอย่างกันเอง

ก็เลยถามไปว่า รู้จักกันมานานแล้วหรอ เหมือนสนิทกันดี

ลูกค้าบอก ก็เพิ่งมากินไม่นาน แต่พนักงานที่นี่น่ารัก เอาใจใส่ บางทีนึกอะไรไม่ออกก็มาที่นี่

ผมก็เลยบอกไปว่า นี่ล่ะคือคำตอบของ Brand value ที่คุณกำลังถามผมเลย

นอกเหนือไปจากคุณภาพสินค้าแล้ว ส่วนของอะไรต่างๆที่นอกเหนือไปจากตัวสินค้า

จนคุณเกิดความประทับใจ อยากจะซื้อหา อยากมาใช้บริการ มันก็คือ Brand Value เลยล่ะ

คุณมาเพราะความพอใจเขา บางทีอาหารก็อาจะเกี่ยวแต่พอมีเรื่อง อัธยาศัยของพนักงาน

คุณก็เลือกเขา ใช่ครับ จริงๆแล้วมันเป็นการปิดการขายที่เยี่ยมยอดที่สุด

โค้ก หรือโคคา โคล่า เป็นตัวอย่างที่ดีแบรนด์นึงเลยในการสร้างคุณค่าของแบรนด์

ในปีแรกๆ เมื่อปี 1886 โค้กขายได้แค่วันละ 9 ขวดครับ

นั่น่ะสิครับ ก็แค่น้ำอัดลมใส่สี  ใส่น้ำตาล ในขวดแก้ว ก็ดูแปลกดี แต่ถามว่า ต้องกินมั้ย

คำตอบขณะนั้น บอกเลยว่า ไม่จำเป็น

แต่ก็มีนักธุรกิจชาวอเมริกันท่านนึงเห็นโอกาส และเชื่อในศักยภาพของน้ำดำในขวดแก้วนี้

เขาจึงเริ่มสร้างให้โค้ก เป็นมากกว่าสินค้าเครื่องดื่ม

แค่เครื่องดื่มชนิดนึง  ใครๆก็เป็นได้

แต่ประสบการณ์แบบโค้ก การสร้างให้โค้กเป็นตัวแทนของความสนุก สดชื่น นี่สิ

ไม่มีใครเป็นได้เท่าโค้กแน่นอน

จากนั้น โค้กได้เปลี่ยนไป เริ่มจากการเปลี่ยนหน้าตาขวดให้ทันสมัยขึ้น มีการสร้างหนังโฆษณา

มีการใช้ Presenter ที่ฮือฮาก็มีการใช้ Santaclaus มาเป็นตัวแทน

โค้กผ่านประสบการณ์ในการทำตลาดมาทั่วโลก วันนี้ โค้กกลายเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมอเมริกัน

โดยมีเหตุการณ์คลาสสิคที่สุดก็คือ ในปี 1985 โค้กได้ทำการเปลี่ยนรสชาติของน้ำดำ โดยใช้ชื่อว่า 

New coke แต่ไม่ประสบความสำเร็จและยังถูกผู้บริโภคต่อต้านถึงขนาดให้เลิกและให้กลับไปใช้นรสชาติเดิม

ทำให้โค้กจึงได้เห็นความสำคัญของตัวตนตัวเองว่า สินค้าเขามีความผูกพันกับผู้บริโภคมากแค่ไหน

(เรื่องราวที่ละเอียดกว่านั้นหาอ่านได้ตามเนตเลยนะครับ น่าจะมีเยอะเลย)

วันนี้ จาก 9 ขวด โค้กขายได้ วันละ มากกว่า 1,600 ล้านขวด มูลค่าของแบรนด์ก็ไม่มากอะไร 

$81 billion อยากรู้เป็นเงินไทยเท่าไหร่ก็เอา 30 คูณดูครับ

เขาว่ากันว่า ถ้าวัดมูลค่าเฉพาะตัวน้ำดำอย่างเดียว brand value ก็คงจะได้แค่ 40% เท่านั้น

แต่นี่คือความเยี่ยมยอดของการตลาดและแบรนด์โค้กที่ได้สร้างขึ้นต่อความรู้สึกของผู้คน

จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของผู้คนทั้งโลกไปแล้ว

การซื้อขายนักเตะเพียง1 คนที่ขับเคลื่อนทั้งวงการฟุตบอล

23 Tuesday Jun 2015

Posted by brandchatz in football, management, marketing, sport, talented

≈ Leave a comment

Tags

ฟุตบอล, English, Europe, football, Liverpool, Mancity, Premireleague, Raheemsterling, Thai, trade

gc Sterling

ธุรกิจฟุตบอลเป็นธุรกิจที่ถูกพัฒนาให้กลายเป็นมากกว่าการแข่งขันกีฬาในปัจจุบัน ในโลกของฟุตบอล ลีกในอังกฤษถือว่าได้รับความนิยมสูงสุดโดยวัดจากอัตราลิขสิทธฺืการถ่ายทอดสดที่มีมูลค่าสูงที่สุดกว่าทุกลีคในโลก โดยค่าลิขสิทธ์ในช่วง 3 ปีนี้อยู่ราวๆ 5.136 พันล้านปอนด์(27,306,423.30 ล้านบาท)
ต้นทุนที่สำคัญของเงินที่ลงทุนก็จะอยู่ที่นักฟุตบอล ว่ากันว่า ค่าตัวของนักฟุตบอลของแต่ละทีม คิดเป็นค่าใช้จ่ายสูงถึง 65% ของเงินในการทำทีม
การซื้อขายนักเตะจึงกรณีศึกษาที่น่าสนใจของการเคลื่อนไหวของธุรกิจ เพราะเมื่อมีการซื้อขายนักเตะขึ้น จากทีมหนึ่งไปสู่อีกทีม จะเป็นการกระตุ้นสภาวะทางการเงินของหลายสโมสรเลยทีเดียว
เช่น การซื้อขายที่กำลังจะเกิดขึ้นของ ราฮีม เสตอริง นักเตะจากลิเวอร์พูล ที่ขายให้กับ แมนซิตี้ ถ้าดีลนี้จบลงที่ 50 ล้านปอนด์ จะเป็นการทำให้เกิดการกระจายรายได้ไปทั่วทั้งเกาะอังกฤษเลยทีเดียว
เพราะเงินจาก ราฮีม จะทำให้ทีมลิเวอร์พูลเกิดการขยับซื้อขายนักเตะที่สำคัญ จะทำให้เกิดการย้ายตัวของผู้เล่นที่เข้าไปทดแทนกันในทีมต่างๆกันมากมาย เกิดการซื้อขายจนมีผู้เชี่ยวชาญพูดไว้เล่นๆว่า เงิน 50 ล้านปอนด์ สามารถ Generate ธุรกิจการซื้อขายจนไปถึงในระดับ Acadamy league ของทุกสโมสร
เรียกว่าได้ประโยชน์กันทั้งวงการ
ดังนั้น การเข้ามาของกลุ่มทุนต่างๆที่เข้าในกิจการฟุตบอล จึงเป็นเรื่องที่สมาคมฟุตบอลในอังกฤษยินดี เป็นอย่างมว่า าก เพราะทำให้วงการฟุตบอลในโลกธุรกิจเติบโต และนอกเหนือจากเรื่องฟุตบอลยังมีธุรกิจพนันฟุตบอลทั้งถูกและผิดกฏหมายซึ่งมีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 16,536 พันล้านปอนด์ เลยทีเดียว
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ การพัฒนาศักยภาพของนักกีฬา หรือ Talented Development ซึ่งต้องเข้าใจอย่างนึงว่า นักฟุตบอลที่มีความสามารถพิเศษนั้น หาไม่ได้ง่ายนัก ทำให้ราคาของนักฟุตบอลที่มีโอกาสที่จะพัฒนาความสามารถขึ้นไปได้ในระยะยาวๆนั้น ยิ่งเป็นมูลค่าที่สูงมาก และถือเป็นสินทรัพย์ของสโมสร หากใครสามาถนำเอาการซื้อขายนักเตะมาเชื่อมโยงกับการพัฒนาศักยภาพได้ ก็จะเป็นการสร้างผลกำไรที่ดีกว่าการหวังรางวัลชนะเลิศด้วยซ้ำ

ในปัจจุบัน มีนักธุรกิจไทยได้เข้าไปซื้อสโมสรฟุตบอลในอังกฤษไม่น้อยกว่า 5 เจ้า และสิ่งหนึ่งที่เป็นผลตามมาก็คือ การยกระดับแบรนด์สินค้าในภูมิภาคไปสู่ระดับทวีป หรือระดับโลก
ดังนั้น ฟุตบอลจึงเป็นธุรกิจที่เป็นมากกว่ากีฬา และมีผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องร่วมมากมาย และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการศึกษากันให้เป็นระบบและสร้างบุคคลากรของประเทศไทยให้มีความรู้คามเข้าใจในการทำธุรกิจนี้อย่างจริงจัง
เพราะโลกของฟุตบอลได้โอบคนทั้งโลกไว้ในกำมือ ประเทศไหนที่มีความได้เปรียบในเรื่องประวัติศาตร์และความเป็นเลิศในเรื่องนักกีฬา และการจัดการก็จะสามารถเป็นผู้นำของโลกและสามารถสร้างรายได้ไม่น้อยไปกว่าธุรกิจประเภทอื่นในอนาคต

บางครั้ง การไม่รู้อะไรมันก็ดีนะในการทำงาน

19 Friday Jun 2015

Posted by brandchatz in branding

≈ Leave a comment

Tags

branding

marketing-3_0-philip-kotler-image

ผมเคยมีเพื่อนร่วมงานท่านนึง เป็นผู้บริหารในองค์กรใหญ่

เขามีการศึกษาที่ดี จบจาก มหาลัยชื่อดัง มีภาษาที่ดี

พูดอังกฤษสลับภาษาไทยตลอดเวลา

เขามักจะพูดเกี่ยวกับทฤษฎีทางตำราหลายๆอย่าง ที่ผมไม่รู้

ซึ่งบางครั้ง เขาก็สอนให้ผมได้รู้จักกับแนวคิดใหม่ๆจากตำราที่เขาศึกษามา

อย่างเช่น ตัวอย่างนึงที่ผมเคยได้คุยกับเขา

เขาบอกผมว่า “ยูโนว เราต้อง เปลี่ยนที่นั่ง ไปนั่งในห้องที่อยู่ในสุดครับพี่

เพราะว่า การที่เป็นผู้บริหาร เราต้องไม่ให้ใครเจอเราง่ายๆ”

ในขณะนั้น ผมก็ทำงานต้องดูแลทีมเหมือนกัน แต่อยู่กันแบบห้องเดียวรวม

นั่งเห็นกันหมด ก็เลยไม่ค่อยเข้าใจว่า ทำไมต้องแยกห้องวะ นอกจากเราจะแอบหลับ

“แต่พี่ชอบนั่งกะทีมนะ มันอบอุ่นดี คุยกันง่าย และก็ ได้ปรึกษางานกันได้ด้วย”

“ยูแฮฟทูอันเดอร์แสตนด์ ครับ แดทส์นอทอะไรท์เวย์ ดูผมสิพี่ ผมกั้นห้องใหม่

หน้าจ่างกระจกใส มองเห็นหมดว่าใครทำอะไร แต่ผมก็จะมีมุมส่วนตัวของผมด้วย” 

เขาสอนผมแบบนี้

พี่ต้องมีความเป็นบอส ในบางเวย์ ยูแฮฟทูดู แมน”

แล้วบทสนทนาก็จบลงด้วยการอ้างอิงถึงสถาบันและอาจารย์ชื่อดังที่เขาปฏิบัติกัน

ผมเองก็อดคล้อยตามเขาไปด้วยในตอนนั้น เพราะดูแล้วก็น่าสนใจ

แต่ท้ายที่สุด ผมก็ไม่ได้ทำอย่างที่เขาสอน เพราะส่วนตัวไม่ชินแบบนั้น

แต่ก็ทำงานกับหน่วยงานนี้มาอีกแปดปี ก็ยังคงสภาพการทำงานคล้ายๆเดิม คือนั่งทำงานรวม

จนตอนหลัง  มีเหตุให้ขยับพื้นที่ ส่วนกลางทำห้องมาให้ก็ยังไม่ได้ใช้เท่าไหร่ 

ยกเว้นไปแอบหลับ หรือแค่เอาเครื่องดนตรีไปไว้เพื่อใช้ซ้อมเล่นหนุกๆ

และก็ยังให้น้องไปใช้แอบนอนได้ ถ้าง่วงกัน

ผมก็ ใช้ชีวิตการทำงานแบบเดิม จนกระทั่ง ตัดสินใจมาทำธุรกิจตัวเอง 

ก็ยังติดนิสัยเดิม ไม่มีห้องส่วนตัว ขอนั่งแบบรวม 

ส่วน เพื่อนคนนั้น หลังจากที่คุยกันได้ ประมาณสักปีนึง กิจการเขาเกิดประสบปัญหาขาดทุน

ทำให้องค์กรต้องตัดสินใจยุบทีมเขา และเขาจึงตัดสินใจลาออก 

ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรอยู่ที่ไหน

แต่ผมไม่รู้ว่าเขา ยังต้องไปเรียนเพิ่ม เพื่อมาแก้ปัญหา ธุรกิจเขาที่ขาดทุนรึเปล่า

สำหรับผมเอง คิดว่า บางที การที่เรา ติดยึดตำรามากไป

ก็อาจจะไม่ได้แก้ปัญหาได้หมด

เพราะสิ่งที่เจอ  หลายๆเรื่อง ในตำรามันไม่มี เพราะมันใหม่กว่านั้น

จะกี่ Phillip Kotler บางทีก็ไม่อาจช่วยคุณได้

การไม่ได้เรียนมาบางครั้ง มันก็ช่วยทำให้เราไม่ยึดกับกรอบมากเกินไป

ฟังแบบไหนก้ได้แบบนั้น (Brandvoice)

13 Saturday Jun 2015

Posted by brandchatz in brand voice

≈ Leave a comment

Tags

branding, brnaded, music, tribe, voice

เนื่องจากเป็นคนที่ชอบฟังและเล่นดนตรี 

ดังนั้นการที่เราเอาหูของเราเข้าเจอกับเสียงอะไรจึงมีประเด็น

เพราะถ้าเราได้ยินเสียงนั้น เพลงนั้น มากกว่า 3 ครั้งขึ้นไป ซ้ำกัน

 มันจะเริ่มจำ และให้สมองเราจะได้ยินทำนองนั้นวนเวียน

ถ้าโชคดี เสียงที่ได้ยิน มันเป็นเสียงที่เราชื่นชอบ 

หรือมีประโยชน์กะเรา ก็ดีเลยครับหูพัฒนา สมองเติบโต

แต่ถ้าเสียงที่ได้รับ มันเป็นเสียงที่เรียกว่า bad voice ก็จบกัน

การบริโภคเสียง ไม่ต่างกับคำว่า You are what you eat.

เราได้ยินแบบไหน เราก้เป็นแบบนั้น

ในสภาวะของนักดนตรีก็เช่นกัน

การฝึกเพื่อจะเป็นนักดนตรีที่ดี  จำต้องอยู่ในสภาวะเสียงที่ทำให้หูพัฒนา

คุณฟังเพลงแบบไหน มันก็ทำให้คุณเล่นออกมาเป็นแบบนั้นนั่นแหล่ะ

หลักการพวกนี้ก็ถูกเอามาใช้ในหลายเรื่อง การตลาดก็ไม่พ้น

บ้านเราเคยใช้วิธีประโคมสื่อ ประเภทที่เรียก เพลงละพันวันละเพลงสมัยก่อน

เพราะสื่อมีจำกัด บังคับฟังง่าย ผลลัพธ์ เราได้เพลงฮิต มีเพลงที่เรียกว่า Mass Content

แต่เดี๋ยวนี้ เทคโนโลยี่การเสพสื่อเปลี่ยนไปแล้ว ผู้คนต่างพัฒนาความชอบจากตนเอง

สื่อเป็นเพียงผู้สนอง คำว่า Mass มีผลเหมือนกัน

 แต่ต้องเป็น Content ที่แตกต่างและมีลักษณะพิศดาร

ใครจะคิดว่าเหนียวไก่จะดังขนาดนั้น!!!!

Brand voice ที่เอามาสร้าง Character ของสินค้าหรือจะองค์กร แม้กะทั่งคน

ส่วนใหญ่จึงสร้างในลักษณะเป็น tribe base จะดูเป็นไปได้มากกว่า

กลุ่มใครกลุ่มมัน ชัดเจนและเข้าถึงกว่า

วันนี้ใครบอกว่า ทำ คอนเท้นท์แบบ Mass นี่ ตลกแล้วนะครับ

พฤติกรรมคนเปลี่ยนไปมากแล้ว แทบหาโอกาสแบบนั้น ไม่เจอแล้ว

ยกเว้นคุณต้องใช้เงินในการเข้าถึงสื่อในจำนวนมหาศาล

ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคุ้มรึเปล่า

brand voice.001

หนังสือน่าทึ่งสำหรับคนที่มีฝันและมีพลัง Like a virgin

10 Wednesday Jun 2015

Posted by brandchatz in branding, Entrepreneur

≈ Leave a comment

Tags

brand, branding, entrepreneur, richard brandson, virgin

ผมเคยคิดว่า โครงการที่พาคนไปเที่ยวอวกาศเป็นความฝันบ้าๆบอๆของคนที่แค่นึกสนุกเอามัน 

ดูไม่มีประโยชน์อะไรแต่ผมคิดผิดจริงๆ 

หลังจากที่ได้อ่านวิสัยทัศน์ของคนชื่อ Richard brandson

“การขจัดอุปสรรคด้านต้นทุนเป็นเรื่องสำคัญในการพัฒนาอุตสากรรมท่องอวกาศ 

เพราะการท่องอวกาศเป็นเป็นหนึ่งในกุญแจสำหรับการอยู่รอดของมนุษย์ชาติในศตวรรษต่อไป

ดาวเทียมที่คอยจับตาดูแพทเทิร์นการเปลี่ยนแปลงของอากาศและผลกระทบที่เกิดขึ้น

จะช่วยให้เราสามารถรับมือกับปัญหาที่มาจากความหนาแน่นของประชากร

และการเปลี่ยนแปลงอากาศได้

เช่น การขาดแคลนอาหาร  การเตือนเกษตรกรในพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบล่วงหน้า

จะทำให้พวกเขาสามารถปกป้องพืชผล และสงวนทรัพยากรอื่นๆ….”

สิ่งที่ Richard มี นอกเหนือไปจากความบ้า และความกล้า

ผมว่าเขามีความรักต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และวิธีการทำงานของเขาที่ผมคิดว่าดีมากๆคือ

เขาให้พื้นที่สำหรับคนเก่งทุกคนที่เขาเจอ ได้มาทำงานร่วมกัน

ตัวอย่างคือ

“นักบินของเรามีทุกสาขาอาชีพ  ตั้งแต่ ศิลปิน นักวิทยาศาสตร์  ผู้ประกอบการ และนักการเงิน

คนเหล่านี้มีความฝันเหมือนกันคือ  การได้เห็นโลกทั้งใบจากอวกาศ…..”

เขาสรุปเรื่องนี้ไว้ว่า

“การท่องอวกาศไม่ใช่เรื่องในนิยายวิทยาศาสตร์หรือสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตอันไกลโพ้นอีกต่อไป

แต่คือสิ่งที่จะช่วยพัฒนา solution ที่เป็นประโยชน์ต่อการต่อสู้ภัยร้ายแรงทั้งหลายที่มนุษย์ชาติเผชิญอยู่

ซึ่งเมื่อผนวกกับธรรมชาติของความสงสัยใคร่รู้ของมนุษย์แล้ว  มันจะเป็นแรงบันดาลใจในการไขว่ฟ้าคว้าดาวของเราอย่างแท้จริง”

คัดลอกจากหนังสือที่ชื่อ Like a virgin ของ Richard Brandson แปลโดย นรา สุภัคโรจน์

ผมไม่ได้ค่าโฆษณาแต่อย่าง ยกเว้นแค่ชอบ

ยังมีอีกหลายเรื่อง ที่ผมทึ่งผู้ชายคนนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ทึ่งมาเยอะแล้ว

brandchatz.com81jT37SCQ5L._SL1500_

Uber taxi ธุรกิจที่โตไวกว่า social media อย่าง Facebook

05 Friday Jun 2015

Posted by brandchatz in Entrepreneur

≈ Leave a comment

Tags

taxi, uber

uber-usefull-application-for-erasmus

ธุรกิจ Uber แท็กซี่เป็น Application ที่ให้บริการแบบ premuim taxi ที่เปิดบริการมากว่า 5 ปีโดยเริ่มตนครั้งแรกที่ Sanfrancisco และก็ขยายตัวอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง วันนี้มีมากกว่า 311 เมือง 58 ประเทศ ที่เปิดให้บริการ

ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ จำนวนการเติบโตของ Uber เอาแค่ปีที่ 3 มีมูลค่ามากกว่า $3.4พันล้าน และในปลายปีที่ผ่านมา

มันก็ได้เพิ่มขึ้นเป็น $40 พันล้าน ซึ่งมีการประเมินกันไว้ว่าเติบโตอย่างน่าอัศจรรย์และรวดเร็วกว่า Facebook ในช่วงเริ่มต้น เพราะธุรกิจ Social media นั้นกว่าจะเริ่มเบ่งบานต้องใช้เวลากว่า 5 ปี ซึ่งเวลานั้น Facebook มีมูลค่าเพียงแค่ $15 พันล้าน และใช้เวลาเกือบ 8 ปี กว่าที่จะแตะยอด $100 พันล้าน

สิ่งที่ธุรกิจ Uber สามารถสร้างความแตกต่างให้เห็นจากคูแข่งเจ้าเดิมๆก็คือ มาตรฐานการให้บริการ ความปลอดภัย ความรวดเร็ว และที่สำคัญ ความน่าเชื่อถือทั้งราคาและผู้ขับScreenshot 2015-06-05 13.24.09

มีการคาดการณ์กันว่า Application ที่คล้ายคลึงกันจะให้มาแย่งตลาด Uber กันอีกหลายเจ้า และคงจะต้องปรับรูปแบบเพื่อให้เข้ากับกฏหมายและข้อกำหนดการจราจรและเมืองต่างๆให้มากที่สุด และยังมีช่องว่างของการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางและรถทั้งส่วนตัวและสาธารณะสำหรับประเทศที่ยังขาดความพร้อมในเรื่องของปัจจัยพื้นฐาน อย่างเอเชียและแอฟริกา

Credit บางส่วนจาก Business insider

หรือ SONY จะกลายเป็นอดีต และถูก Samsung ยึดครองตลาด

01 Monday Jun 2015

Posted by brandchatz in branding

≈ Leave a comment

Tags

ญี่ปุ่น, เกาหลี, เทคโนโลยี่, electronics, japan, korea, sony, sumsung

ผมไปญี่ปุ่นมาเมื่อช่วงต้นปี เห็นสิ่งที่เปลี่ยนไปหลายๆอย่าง ถ้าเทียบจากเมื่อก่อนที่เคยไปเที่ยว

อย่างแรก ก็คือ คนญี่ปุ่น ช้อปน้อยลง เงินตึงขึ้น

อย่างที่สอง เพลงป้อบญี่ปุ่น หายไป และกำลังโดนเพลงเกาหลีเข้าไปบุก

นี่เป็นเรื่องที่ใหญ่ สำหรับผม และก็คิดว่า สำหรับคนญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน

แต่จริงๆ มันก็ไม่ใช่แค่เพลงนะ ละครหรือหนังก็ด้วย

 ที่หนักกว่านั้น SONY ที่เคยเป็นราชาแห่งเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็โดน Samsung เบียดแย่งพื้นที่เช่นกัน

แล้วเกิดอะไรขึ้นกับญี่ปุ่น

ชาติที่ถือได้ว่า มีความแข็งแกร่งทั้งทาง วัฒนธรรมและเทคโนโลยี่

ผมลองหาข้อมูลจากทางเนต ก็พบอันนึงที่น่าสนใจก็คือ

ในโลก Social media ตั้งแต่ปี 2512 เป็นต้นมาคำว่า Sumsung ได้ถูกพูดถึงมากกว่าคำว่า sony ถึง 3 เท่าตัว

โดยชื่อของ sumsung galaxy เป็นชื่อที่ถูกพูดถึงมากกว่า 57% ในขณะที่ Sony experia มีเพียง 10 %

Smart TV ของ SONY ก็นับว่าดีแล้ว

แต่ก็ยังไม่สามารถครองใจผู้ซื้อได้เท่า SMART TV ของ Samsung

ไม่เพียงแค่นั้น อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าของ Samsung ก็จะสามารถเชื่อมต่อกันข้อมูลได้ทั้งหมด

ไม่เว้นแม้แต่เครื่องซักผ้า!!!

คำถามคือ แล้วSONY จะกลับมาได้มั้ย?

อดีตที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครไม่รู้จัก SONY WALKMAN ในสมัยนั้น

สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับในความเป็น เกาหลี หรือ Samsung ก็คือ

 การทำวิจัยตลาด ทำอย่างลึกซึ้งและเจาะเน้นแต่ละประเทศอย่างละเอียด

ว่ากันว่า Senior management ของ Samsung ล้วนแต่เป็นผู้บริหารที่มาจากโลกตะวันตก

ทำให้วัฒนธรรมองค์กร การเข้าใจตลาดยุโรปและอเมริกาซึ่งเป็นตลาดที่มีอิธิพลต่อตลาดเอเชีย

Samsung วางกลยุทธ์เรื่องผู้คนได้ดีเยี่ยม

แต่ ผมยังเชื่อมั่นใน ความเป็นคนญี่ปุ่น

พวกเขาไม่เคยยอมแพ้

หรือ ความสำเร็จของ SONY ในอดีตมันจะหลงเหลือเพียงเรื่องเล่า

คงต้องดูกันยวๆต่อไป

SONY vs Samsung.001

Articles

blogger

  • brandchatz
June 2015
M T W T F S S
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930  
« May   Jul »

Goodreads

Calendar

June 2015
M T W T F S S
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930  
« May   Jul »

Blog at WordPress.com.